Home บันเทิง เรื่องนี้จบยากคู่กรณี “อาหลอง” โต้กลับลั่นเรื่องนี้ต้องถึงช่อง7

เรื่องนี้จบยากคู่กรณี “อาหลอง” โต้กลับลั่นเรื่องนี้ต้องถึงช่อง7

857
0
SHARE

 

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 1 ธ.ค. ที่ร้านเกียง้วนภัตตาคาร ชั้น 7 ศูนย์การค้าเซ็นทรัล พระราม 9 นางจีรนุช ทุเครือ หรือ นุช เจ้าของเฟซบุ๊ก “จีรนุช กิ๊ฟช็อป” พร้อมด้วย นายริชาร์ด สามี และ นางณัฏฐกานต์ ใบเงิน ผู้ประสานงานกองละครทิวลิปทองที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ ร่วมกันเปิดแถลงชี้แจงข้อเท็จจริงตอบโต้ ‘ฉลอง ภักดีวิจิตร’ ผู้กำกับรุ่นใหญ่ กรณีปัญหาละคร “ทิวลิปทอง” ตามที่เคยเสนอข่าวไปแล้วนั้น

 

 

 

นางจีรนุช เผยว่า “วันที่ฟังข่าวของอาฉลองรู้สึกตกใจที่อาพูดว่า เขาเจอเราในงานขายของที่วัดไทยอัมสเตอร์ดัม จริงๆ แล้วเราไม่ได้เจออาที่งานนั้นเป็นครั้งแรกนะ เราเจออาตั้งแต่ 4 ปีที่แล้ว จนเมื่อปี 2015 มีการติดต่อเรามาโดยพี่สมรัก บรรลังก์ อดีตนักข่าวและเป็นพี่ชายที่สนิทกัน เขารู้ว่าเราทำธุรกิจดอกไม้อยู่ จึงได้นัดเจออาที่เมืองไทย เมื่อวันที่ 7 ม.ค. ปี 2016 ซึ่งเจอกันก่อนที่อาจะบินไปดูโลเกชั่นด้วยซ้ำ ครั้งแรกเขาประสานงานผ่านพี่สมรัก ต้องการให้เราหาโลเกชั่นทุ่งทิวลิปใหญ่ๆ เท่านั้นเอง อามาดูโลเกชั่นเดือน มี.ค. ตอนนั้นอากับทีมงานบินไป 4 คน ระหว่างนั้นนุชก็แนะนำให้คุณณัฏฐกานต์รู้จักกับอา ซึ่งไม่ตรงกับที่เขาได้ให้แถลงข่าวไป ระหว่างนั้นนุชทำงานทุกวันจึงไม่สามารถช่วยอาได้ในเรื่องของคอนเน็กชั่นต่างๆ ได้ เลยให้คุณณัฏฐกานต์เป็นคนติดต่อให้

 

ซึ่งคุณณัฏฐกานต์บอกว่ามีบางโลเกชั่นไม่สามารถขอใบอนุญาตทัน เพราะคุณอาไปเดือนมี.ค. และไปอีกทีเดือนเม.ย. ซึ่งมันใช้เวลาไม่ถึงเดือน แต่สถานที่ต่างๆ ใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 2 อาทิตย์ในการขอใบอนุญาตก็เลยจำเป็นต้องปรึกษาเรา เราก็เลยไปบอกริชาร์ดแฟนเรา ภายในหนึ่งอาทิตย์ได้ใบอนุญาตครบทุกอย่าง ขาดแค่ใบอนุญาตสนามบินอย่างเดียวที่ไม่ได้ เราให้อาเป็นคนจ่ายเงิน แต่คอนเน็กติ้งเป็นของคุณริชาร์ดที่เป็นผู้ไปขอใบอนุญาตให้ ตอนแรกขอไม่ได้ แต่อาบอกว่าไม่ได้ยังไงสนามบินก็ต้องถ่ายให้ได้ เราจึงใช้เจ้านายเก่าของสามีที่เป็นทหารไปทำเรื่องค้ำประกันให้ และเป็นผู้ค้ำประกันทุกฉากที่มีการใช้ปืน แฟนนุชเป็นผู้ถือใบอนุญาตเกือบทุกสถานที่ที่ถ่ายทำในเนเธอร์แลนด์”

 

“ส่วนเรื่องที่เขาบอกว่าเราให้ดาราช่วยถือน้ำปลาร้า วันที่เขามาช่วยนุชถือคือเราเจอกันมาหลายวันแล้วและสนิทกันแล้ว คนในกองถ่ายจะรู้ว่านุชขายปลาร้าด้วย วันนั้นเป็นงานวัดก็มีคนไทยเยอะ ขอบอกว่าหลวงพ่อที่วัดไม่เคยเจอคุณอานะ คุณอาบอกว่าหลวงพ่อมาขอร้องให้ดารามาช่วยงาน ไม่ใช่นะคะ นุชคิดไอเดียบอกคุณณัฏฐกานต์ว่ากราบเรียนพระอาจารย์ว่าเป็นไปได้มั้ยที่ให้ดาราไปช่วยงาน ซึ่งคุณอาก็ช่วยด้วยความเต็มใจ ดาราก็มาช่วยตะโกนขายปลาร้าให้นุชอย่างสนุกสนาน เราไม่เคยบังคับหรือขอร้องให้มาช่วยขายปลาร้า เรารู้สึกมันไม่จริงก็เลยอยากออกมาพูดบ้าง แต่เราอยู่เมืองนอกไม่มีสิทธิพูดก็เลยต้องมีวันนี้

 

 

 

ส่วนเรื่องค่าซ่อมรถบิ๊กไบก์ 3 คัน เขากลับมาก็ไม่สามารถติดต่อได้เลย เขาอาจจะโกรธเราเป็นบางส่วน พอหลังจากนั้นมีบิลจากเจ้าของรถว่าเราทำรถเขาเสียหายมีรอยเต็มคัน ต้องทำสีใหม่ในราคา 1,050 ยูโร เราพยายามส่งบิลไปหาทุกคนที่ติดต่อเขาได้ก็ไม่สามารถติดต่อได้เลย ประเทศเนเธอร์แลนด์ถ้ามีบิลแล้วไม่จ่าย จำนวนเงินมันจะขึ้นมาทบเป็นอีกเท่านึง จนเราติดแบล็กลิสต์ ชื่อเราเป็นคนเช่าจึงจำเป็นต้องจ่ายเงินไป ถามว่านุชจำเป็นต้องจ่ายค่ารถให้เขามั้ย มันเป็นปัญหาของเขา ตอนนั้นก็มีคุณอาร์ต(ศุภวัฒน์)ติดต่อกลับมาว่ารถมอเตอร์ไซค์เขาไม่ได้เป็นคนทำล้ม แต่เรามีคลิปว่าเขาเป็นคนทำล้มนะคะ ล่าสุดคุณตู่ เจ้าของบริษัทอินทรีย์ เขาเป็นพี่สาวของภรรยาอาฉลอง เป็นคนจ่ายเงินให้ แต่ไม่ได้จ่ายทันที จ่ายหลังจากนั้นมาปีกว่า เราก็เลยไม่ได้ติดใจอะไร”

 

 

 

“สำหรับเรื่องที่เขาบอกว่าเราอยากดังหรืออยากใช้นามสกุล “ภักดีวิจิตร” เหรอ เรานอยด์มาก นุชแต่งงานแล้ว ส่วนตัวมองว่าเขาดูถูกผู้หญิงคนนึงที่เป็นคนไทย เขาไม่สมควรเอาเรื่องนามสกุลสามีมาล้อเล่น เรามองว่าเขาต้องการอะไรกันแน่ เขาบอกว่าพูดเล่น แต่เราไม่โอเคค่ะ คนที่พูดเขาสนุกแต่เราไม่สนุกด้วย อยากให้คิดถึงศักดิ์ศรีของเราว่าเราไม่ต้องการนามสกุลของคนอื่นค่ะ เรื่องโลโก้ที่เขาบอกว่าทวงถามมาแต่เราไม่ส่งให้นั้น เราส่งไปแต่ทางเขาบอกรีโซลูชั่น(ความละเอียด)ไม่พอ เขาก็บอกไปว่ามันสามารถไปเซิร์ชหาโลโก้ได้ในอินเตอร์เน็ต ชื่อบริษัทต่างๆ เราส่งให้หมด คุณอาร์ตบอกมันไม่คมชัด ถามว่าสถานทูตเนเธอร์แลนด์มีแค่นามบัตรแปะมา ทำไมถึงลงได้คะ คือเป็นการอ้างมากกว่าว่าเราไม่เคยส่งโลโก้ ทั้งที่เราส่งไปชัดเจนค่ะ เขาพูดมาคำนึงว่าเราสำคัญขนาดนั้นเลยเหรอ การที่เราช่วยเขา เราไม่ต้องการเรียกเงิน ทุกวันนี้นุชไม่เคยได้แม้แต่บาทเดียว แต่อยากจะบอกว่าเราทำอะไรให้เขาบ้าง เราไม่ต้องการเงินแต่ต้องการคอนเน็กติ้ง เสียใจที่อาบอกว่า เราสำคัญขนาดนั้นเลยเหรอ ค่ะ ไม่เคยสำคัญเลย” นางจีรนุชกล่าว

 

 

 

ด้าน นางณัฏฐกานต์ กล่าวว่า “ในส่วนของเงินเรื่องภาษีที่เขาให้เราจัดการแต่ไม่สำเร็จนั้น เอกสารตัวนี้เขาเรียกกลับไปในวันที่เขาเดินทางกลับ เราก็ส่งกลับคืนไปให้ที่สนามบิน เพื่อเอาไปมอบให้อีกกลุ่มนึง เราไม่ใช่ทำงานไม่สำเร็จ ถ้าตนไม่ส่งเอกสารคืนเขา เอกสารจะไปอยู่ในประเทศไทยได้ยังไง ส่วนปัญหาเรื่องเงิน 9,000 บาท เขาโอนคืนให้เรียบร้อยแล้วเมื่อคืน ตอนนี้ก็ไม่มีเรื่องเงินค้างแล้ว ส่วนที่อาฉลองมองว่าเราต้องการจะดิสเครดิตเพราะเขาทำงานมาหลายปีไม่เคยมีกรณีแบบนี้ แล้วเราจะรู้ก่อนได้ยังไงว่าอาจะไม่ให้เครดิต ทั้งๆ ที่ตอนนั้นละครยังไม่ออนแอร์”

 

ต่อข้อถามว่า ทางอาฉลองบอกว่า ฝากให้คุณณัฏฐกานต์ตามเรื่องคนที่ถอยรถทับกล่องกล้อง แต่เรื่องกลับเงียบไป นางณัฏฐกานต์ แจงว่า “อันนี้ทางคุณอาร์ตถามมา แต่ยังขาดหนังสือที่มีการยืนยันเป็นลายลักษณ์อักษร ระหว่างบริษัทคุณอากับบริษัทเอ็กซ์ตร้าที่โน่น ถ้าได้กลับไปก็จะติดตามให้ค่ะ”

 

ถึงตรงนี้ นางจีรนุช กล่าวต่อว่า “ไม่เคยพูดเลยว่าอาไม่ให้เครดิต เราทวงถามแต่เรื่องค่ารถมาตลอด อยากได้เงิน 1,050 ยูโรคืน เราไม่เคยถามเรื่องโลโก้อะไรเลย เขาไม่เคยอ่านข้อความที่นุชส่งไปเลย บล็อกเราทุกอย่าง ไม่เคยติดต่อ ถามว่าเกิดเรื่องนี้ดังขึ้นมาได้ยังไง คือ คุณอาร์ตติดต่อไปทางคุณมาร์ติน จริงๆ แล้วเรื่องคุณมาร์ติ นุชจะไม่พูดถึง เพราะเขาย้ายไปเป็นเลขาท่านทูตประจำประเทศโปแลนด์แล้ว เขาก็ย้ำมาว่าการที่คุณทะเลาะกันอย่าเอาฉันเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะเขาไม่มีสิทธิมาตัดสินว่าใครผิด คุยกันล่าสุดเขาไม่แฮปปี้ คุณอาร์ตอ้างแต่ว่าเขาเป็นเพื่อนสนิท เขาไม่ใช่เพื่อนสนิทค่ะ เขาเป็นเลขาท่านทูต วันที่นุชโกรธก็คือเขาสั่งให้แฟนนุชไม่ต้องเข้าไปเกี่ยวกับทิวลิปทอง ห้ามพูดถึงอีก เราจึงโกรธขึ้นมา เราก็ไลฟ์ในเฟซบุ๊กเพื่ออยากมีส่วนร่วมว่าเราเจออะไรมาบ้าง แต่ไม่ได้อยากทำร้ายชื่อเสียงของอาเลย”

 

“ส่วนเรื่องเงินที่บอกว่าเขาพกมาที่เนเธอร์แลนด์ 4 ล้านบาท แต่เขาเบิกกับทางช่อง 7 มา 11 ล้านบาท เรื่องเงินเนี่ยภรรยาเขาพูด แต่อาไม่เคยพูด บอกว่าเงินไม่พอ ค่าตั๋วเครื่องบินก็ไม่พอแล้ว ที่นุชเห็นในการใช้จ่ายในกอง เห็นคุณตู่พี่สาวคุณพิมพ์เป็นคนควักเงินทั้งหมดทุกอย่างก็เลยไม่รู้ว่าอาฉลองอยู่ในสถานะอะไร แต่วันนั้นคุณตู่แนะนำนุชว่าเขาเป็นเจ้าของบริษัทอินทรีย์ เราจึงอยากจะถามช่อง 7 ว่ารู้ไหมว่าไปเนเธอร์แลนด์มีการเบิกค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง แต่เราจะพูดประเด็นที่ทำให้เป็นปัญาหากัน คือมันมีเรื่องปืนปลอมเข้ามาเกี่ยวข้อง สามีนุชจะรู้กฎหมายของเนเธอร์แลนด์ ปืนปลอมเนี่ยในต่างประเทศไม่สามารถนำเอามาใช้ในกองถ่ายได้ เราช็อกมากมีน้องในกองถ่ายคนนึง เขาถือปืนมาบอกเราว่าทำไงดีเขามีปืนปลอม อาเป็นคนเอามาฝาก เราก็ไปพูดกับอาว่า ถ้าอยากให้ช่วยคุณต่ออย่าเอาปืนปลอมมาเล่นในกองถ่ายเพราะเราเป็นคนการันตีให้คุณ สำหรับประเทศเนเธอร์แลนด์เรื่องปีนปลอมเป็นเรื่องร้ายแรงมาก คุณอาร์ตบอกว่าเขาไม่ได้ใช้ปืนปลอมในฉากนั้น แต่เขาพกพาไปถือในกอง แค่ถือก็เป็นเรื่องใหญ่แล้วค่ะ”

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ทางเราบอกจะส่งหนังสือไปทางช่อง 7 เพื่อระงับการออกอากาศ แต่ทางอาฉลองบอกว่าเรายังไม่ได้ส่งไป นางจีรนุช กล่าวว่า “ไม่ได้ส่งไปค่ะ เราอยากรอให้ละครออกมาก่อน สรุปแล้วก็ไม่มีโลโก้จริงๆ นุชได้ยินแล้วเขาบอกไม่ทำให้อยู่แล้ว วันที่นุชไปเปิดละครให้เจ้าของบ้านหลังใหญ่ในเรื่องดู เขาก็ปลื้มที่เห็นบ้านตัวเองอยู่ในทีวี พอถึงจุดที่เป็นโลโก้ขึ้นมาก็มีชื่อเขาหนึ่งแถว จนละครจบเขาก็พูดขึ้นมาคำแรกว่าแล้วโลโก้ฉันล่ะ เขาบอกว่าจะทำยังไงก็ได้ให้มีโลโก้เขาอยู่ในละครเรื่องนี้ ไม่งั้นฉันไม่ยอม เราจะตอบเขายังไงล่ะ เขาเป็นนักธุรกิจที่ทำงานกับแฟนนุชมาเป็น 10 ปี ให้ความไว้วางใจ บ้านแต่ละหลังราคาไม่ต่ำกว่า 10 ล้านยูโร เป็นร้อยๆ ล้านบาท วันนี้เขามองเราว่าเราไปรับเงินเขามาหรือเปล่า มันสำคัญกับจิตใจเรา ทางอาฉลองอาจจะไม่สนใจว่าเราจะเป็นยังไง แต่นุชต้องทำธุรกิจต่อกับเขานะ ทุกวันนี้เขาไม่พอใจ เราอธิบายกับเขา เขาก็โอเค ช่อง 7 ไม่เกี่ยวข้อง เพราะช่อง 7 จ่ายเงินค่าต่างๆ มาแล้ว นุชมองว่าช่อง 7 รู้ว่าค่าบ้านหลังนี้เท่าไหร่ รถคันนี้เท่าไหร่ แต่ถ้าเรื่องนี้จบไปแล้ว คงต้องทำเรื่องไปที่ช่อง 7 ห้ามมีการรีรันละครเรื่องนี้ขึ้นมา เพราะเจ้าของบ้านแต่ละหลังไม่ยอม ถ้าจะรีรันก็ต้องแก้เครดิตให้ใหม่ นุชว่ามันไม่ได้ยากนะ เราไม่ได้ขอเยอะมากมาย วันที่อามาบอกว่าบริษัทหนึ่งในเนเธอร์แลนด์ ต้องการเงินจากอา 10 ล้านบาท ในการดำเนินการสิ่งต่างๆ เรารู้สึกว่าทำไมอาต้องเสีย 10 ล้านบาท เราถึงได้เสนอตัวเองขึ้นไปช่วยฟรี ไม่เคยคิดเรื่องเงินเลยค่ะ”

 

“ส่วนที่อาบอกว่าถ้านุชมาไทยก็ยินดีจะเจอ เราไม่อยากเจอค่ะ ต้องบอกว่าเราบังคับให้สามีเราช่วยอาฉลองนะ บอกเลยว่าริชาร์ด ฉันเจออามาตั้งแต่เป็นเด็ก ฉันผูกพัน อยากช่วยเขาก็บังคับให้ริชาร์ดช่วย ใช้คำว่าบังคับเลยนะ เพราะถ้าเธอไม่ช่วยละครก็ถ่ายไม่ได้ คือนุชมาพูดวันนี้บอกเลยว่า ถ้าได้ดู ฟังที่เขาให้สัมภาษณ์เขาบอกว่านุชโกหกทุกเรื่อง นุชมีงานทำค่ะ บินมาจากเนเธอแลนด์เสียเวลามาก คงจะไม่ยืดเยื้อแถลงกลับไปมา ถ้านุชพูดไม่จริงจะเอาตัวเองไปติดคุกทำไม หรือคุณณัฏฐกานต์ และพี่สมรักไม่พูดเรื่องจริง เราพูดวันนี้เพื่อต้องการชี้แจงความถูกต้องเท่านั้นเองว่า 2 ปี นุชเจออะไรมาบ้าง ไม่ใช่เราอยากจะมาสร้างกระแส มาผลักดันสินค้า ไม่ใช่เลยค่ะ เรื่องไม่มีโลโก้ก็เป็นสิทธิที่เราต้องฟ้องร้องอยู่แล้ว คงต้องทำเรื่องถึงช่อง 7 ค่ะ” นางจีรนุชกล่าว

 

ด้าน นายริชาร์ด กล่าวว่า “ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับโลโก้ก็คือมันถูกส่งไปแล้ว ผมคิดว่าเขาลืมเรื่องราวอีกครึ่งหนึ่งไป ครั้งแรกที่ผมส่งไปได้รับการตอบกลับมาว่า ภาพโลโก้ความละเอียดไม่พอ พวกเขาส่งอีเมล์ส่งจดหมายมาหา ผมก็เลยบอกไปว่าผมไม่มีรูปที่ใหญ่กว่านี้ แต่คุณเป็นมืออาชีพเป็นคนทำหนังเป็นคนออกแบบคุณต้องทำให้ได้สิ มันก็จบแค่นั้น โลโก้เป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับบริษัท คุณเห็นโลโก้ก็จะนึกถึงบริษัท ถึงไม่มีชื่อก็รู้ว่าเป็นบริษัทอะไร โลโก้จึงสำคัญมาก มีบางเรื่องที่ผมยอมรับไม่ได้ ตอนเริ่มถ่ายหนังที่สนามบิน ผมได้ยินว่าเขามีปืนปลอม ซึ่งผมไม่รู้มาก่อนก็เลยมีบางคนบอกว่าปืนอยู่ที่รถบัส ผมก็เลยทำลายทิ้ง”

 

“ตอนแรกอาฉลองมาเนเธอร์แลนด์กับนักแสดงและทีมงานสร้างหนัง พวกเขาไม่มีอะไรเลย พวกเขาต้องการทั้งบ้านและรถ หรืออะไรก็ตาม เราได้แต่คิดว่าจะช่วยอะไรได้บ้างเพราะพวกเขาไม่มีใบอนุญาตอะไรเลย เรามีบ้านให้สองหลังฟรีๆ มีรถบัสให้ฟรี เพราะหนังของเขาทุนต่ำมาก เขามีเงินไม่ค่อยเยอะ แต่คุณควรใส่ชื่อกับโลโก้ในหนังด้วย เพราะสำหรับเรามันสำคัญมาก แต่ตอนนี้มันสายไปแล้ว ไม่มีประโยชน์แล้ว ก่อนหน้านั้นผมก็เริ่มสงสัยบ้างแล้ว เราเคยนัดพบเพื่อคุยกันที่กรุงเทพฯ ตอนต้นปี 2016 กินกาแฟกัน พูดคุยธุรกิจกัน แต่หลังจากนั้นก็ไม่มีการติดต่อมาอีกเลย แต่หลังจากนั้นน่าจะเป็นเดือนมี.ค. เขาก็ติดต่อมาบอกว่าทำสำเร็จแล้ว ผมก็เลยบอกว่าโอเค. แต่ผมบอกว่า ผมต้องการอะไรที่เป็นลายลักษณ์อักษรนะ พวกเขาก็เลยส่งสัญญามาทางจดหมายก็เป็นสัญญาที่ดี แต่ตรงด้านล่างกลับมีตัวหนังสือเล็กๆ ว่า สัญญานี้ไม่ได้เพิ่มมูลค่าให้บริษัทคุณ” นายริชาร์ดกล่าว

ขอบคุณ ข่าวสด