Home ข่าวทั่วไปรอบวัน นายกรัฐมนตรีลงพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี

นายกรัฐมนตรีลงพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี

583
0
SHARE

 

 

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา  นายกรัฐมนตรี  นำคณะรัฐมนตรีลงพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี พบปะประชาชนตั้งแต่ตอนเช้าวันที่ 7 พ.ย.2561  โดยเว็บไซต์รัฐบาลไทย รายงานแยกเป็นข่าว 3 ตอน ดังนี้

นายกรัฐมนตรีลงพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ พร้อมเยี่ยมชมกำแพงเมืองโบราณ

นายกรัฐมนตรีลงพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เยี่ยมชมกำแพงเมืองโบราณ พร้อมวางอิฐโบราณกลับคืนสู่กำแพงเมือง เพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งการฟื้นฟูดูแลมรดกของชาติร่วมกับชาวกาญจนบุรี

 

วันนี้ (7 พฤศจิกายน 2561) เวลา 08.50 น. ณ ศาลหลักเมืองกาญจนบุรี ตำบลปากแพรก อำเภอเมืองกาญจนบุรี จังหวัดกาญจนบุรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม สักการะศาลหลักเมือง และสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 เพื่อความเป็นสิริมงคล โดยมีนักเรียนโรงเรียนกาญจนานุเคราะห์และโรงเรียนเทศบาล 5 กว่า 1,000 คน ถือโบว์ริบบิ้นสีเขียวสัญลักษณ์เมืองสีเขียว แสดงให้เห็นว่าชาวจังหวัดกาญจนบุรีต้องการโรงงานกระดาษเพื่อปรับปรุงให้เป็นสวนสาธารณะ  ให้การต้อนรับและร้องเพลงความฝันอันสูงสุดดังกึกก้อง พร้อมเปล่งเสียง “ลุงตู่สู้ ๆ” ให้กำลังใจนายกรัฐมนตรี พร้อมกันนี้ ได้มีนักเรียนผู้สูงอายุ กลุ่มจังหวัดบ้านหนองขาว อำเภอท่าม่วง รำผ้าขาวม้า 100 ปี ของดีเมืองกาญจนบุรี ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นถึงความสวยงามของลวดลาย ความคิดสร้างสรรค์ จากภูมิปัญญาของชาวบ้าน ผ่านการแสดงชุดดังกล่าว แสดงต้อนรับนายกรัฐมนตรีพร้อมคณะ

 

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวขอบคุณผู้สูงอายุ และนักเรียนที่มาให้การต้อนรับ แสดงให้เห็นถึงไมตรีจิตที่มีต่อกัน พร้อมกล่าวว่าอย่างไรก็รักทุกคน เพราะทุกคนคือคนไทยด้วยกัน รัฐบาลจะทำให้ดีที่สุด ทำอย่างเต็มที่ ทำเพื่ออนาคต และทำเพื่อลูกหลานต่อไป ทั้งนี้ ต้องขับเคลื่อนในรูปแบบความต่อเนื่องตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และขอให้นักเรียนตั้งใจเรียน เพราะการศึกษาเป็นสิ่งที่สำคัญ ค้นหาตัวเองให้เจอ เดินทางตามความฝันให้ประสบความสำเร็จ ขอให้มองทุกอย่างด้วยใจที่บริสุทธิ์ อย่ามองด้วยตาอย่างเดียว และขอให้จำในสิ่งที่ดี สิ่งไหนที่ไม่ดีไม่ต้องจำ

 

จากนั้น นายกรัฐมนตรีพร้อมคณะนั่งรถรางเยี่ยมชมกำแพงเมืองเก่า โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้วางอิฐโบราณกลับคืนสู่กำแพงเมือง เพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งการฟื้นฟูดูแลมรดกของชาติร่วมกับชาวจังหวัดกาญจนบุรี ก่อนจะเดินทางไปพบประชาชนต่อไป

 

—————————-

 

กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก

 

นายกรัฐมนตรี พบปะประชาชน จ.กาญจนบุรี พร้อมสนับสนุนโรงงานกระดาษไทย เป็นพื้นที่สาธารณะและแหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์ “ภูมิบ้าน ภูมิเมืองกาญจน์” แลนด์มาร์กแห่งใหม่ของจังหวัด

นายกรัฐมนตรี พบปะประชาชน จ.กาญจนบุรี พร้อมสนับสนุนโรงงานกระดาษไทย เป็นพื้นที่สาธารณะและแหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์ “ภูมิบ้าน ภูมิเมืองกาญจน์” แลนด์มาร์กแห่งใหม่ของจังหวัด โดยประชาชนทุกภาคส่วนในพื้นที่ทั้งภาครัฐ เอกชน ประชาสังคม ร่วมกันบริหารจัดการ

 

วันนี้ (7 พฤศจิกายน 2561) เวลา 10.00 น. ณ โรงงานกระดาษไทย พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะเยี่ยมชมลานศิลปวัฒนธรรม “ภูมิบ้าน ภูมิเมืองกาญจน์” วิถีชีวิตของชาวกาญจนบุรี พร้อมรับฟังบรรยายสรุปความสำคัญของศิลปวัฒนธรรม และความเป็นมาของโรงงานกระดาษไทย จากอาจารย์เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ศิลปินแห่งชาติชาวจังหวัดกาญจนบุรี โดยนายกรัฐมนตรีได้ตีกลองศึก เพื่อเป็นการปลุกขวัญและให้กำลังใจ

 

สำหรับโรงงานกระดาษไทย เป็นโรงงานกระดาษแห่งที่ 2 ของประเทศไทย ใช้ผลิตกระดาษและธนบัตรในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยใช้ไม้ไผ่เป็นวัตถุดิบผลิตเยื่อกระดาษ เป็นโรงงานที่ทันสมัยที่สุดในขณะนั้น ต่อมาประสบภาวะขาดทุน คณะรัฐมนตรีจึงมีมติให้ยกเลิกกิจการ เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2525 จากนั้น จึงได้ให้บริษัทเอกชนเช่าประกอบกิจการอุตสาหกรรมผลิตกระดาษจนครบสัญญาเช่า ทั้งนี้ ภาคประชาสังคมและภาคเอกชนรวมถึงจังหวัดกาญจนบุรีได้ยื่นข้อเสนอให้ทบทวนแนวทางการพัฒนาพื้นที่ โดยเสนอให้พัฒนาเป็นพื้นที่สาธารณะประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกัน และเป็นแหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์ของจังหวัด เนื่องจากพื้นที่บริเวณดังกล่าวเป็นเขตโบราณสถานเมืองเก่าที่มีความสำคัญต่อประวัติศาสตร์ของจังหวัดกาญจนบุรี พร้อมกับขอรับการสนับสุนนให้กรมธนารักษ์อนุญาตให้องค์การบริหารส่วนจังหวัดกาญจนบุรีใช้ประโยชน์เป็นสวนสาธารณะและแหล่งศึกษาเชิงประวัติศาสตร์ ผ่านการบริหารจัดการของคณะกรรมการร่วม 3 ภาคส่วน ได้แก่ ภาครัฐ เอกชน และประชาชน

 

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวพบปะกับประชาชนที่มาให้การต้อนรับตอนหนึ่งว่า จังหวัดกาญจนบุรีเป็นเมืองเก่าแก่ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ มีโบราณสถานหลายแห่งที่ได้พัฒนากลายมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ รวมถึงโรงงานกระดาษไทยที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ตั้งแต่ในช่วงสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ถือเป็นโรงงานแห่งแรกในประเทศไทยที่ผลิตธนบัตรไทย เพื่อให้เป็นพื้นที่สาธารณะและแหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์ “ภูมิบ้าน ภูมิเมืองกาญจน์” รวมทั้งเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ของจังหวัด โดยการบริหารจัดการร่วมกันของทั้งภาครัฐ เอกชน ประชาสังคม รัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุนตามความต้องการของประชาชน ขอให้ประชาชนช่วยกันรักษามรดกอันล้ำค่านี้ไว้เพื่อส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นต่อไป และเพื่อเป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้ทั้งทางด้านประวัติศาสตร์ ให้แก่เด็กและเยาวชน ตลอดจนนักท่องเที่ยวและพี่น้องประชาชนโดยทั่วไป

 

ในส่วนของการส่งเสริมและสนับสนุนสินค้าเกษตรปลอดภัย ให้เป็นเป็นสินค้าที่มีคุณภาพ ปลอดภัย ได้มาตรฐาน ขอให้เกษตรปรับเปลี่ยนแนวคิดในการผลิตเกษตรอินทรีย์ พร้อมกับมอบหมายให้ภาครัฐส่งเสริมการตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์ภายในจังหวัด กลุ่มจังหวัด ในประเทศ และต่างประเทศ โดยต้องส่งเสริมให้มีการวางแผนการผลิตอย่างเป็นระบบ เพื่อให้ผลผลิตสามารถป้อนเข้าสู่ตลาดได้ตลอดทั้งปี ส่วนด้านคุณภาพชีวิต รัฐบาลพร้อมสนับสนุนและดำเนินงานให้สอดคล้องกับความต้องการของพี่น้องประชาชนในทุกด้าน รวมถึงการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในประเทศให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี ทั้งเรื่องสุขภาพ การศึกษา โครงสร้างพื้นฐาน รายได้ และการประกอบอาชีพ โดยเฉพาะการที่จะทำอย่างไรจึงจะทำให้ประชาชนสามารถดำรงชีวิตที่ดีได้ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำและสร้างความเป็นธรรมให้เกิดขึ้นในสังคม โดยที่ผ่านมารัฐบาลได้มีการออกนโยบาย มาตรการ และโครงการต่างๆ เพื่อที่จะสนับสนุนและพัฒนาคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ให้กับพี่น้องประชาชนอย่างต่อเนื่อง เช่น โครงการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย โครงการสวัสดิการผู้สูงอายุ เป็นต้น พร้อมกับขอให้ประชาชนใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีและโทรศัพท์ในการค้นหาความรู้ให้ได้มากที่สุด อย่าไปใช้เพื่อสร้างความขัดแย้ง และมีหลักคิดที่ดี มีความเข้าใจ อย่างเป็นกระบวนการ พร้อมฝากให้ผู้ปกครองดูแลบุตรหลานให้ดี และฝากครูสอนให้นักเรียนรู้จักคิดวิเคราะห์ให้เป็น แนะนำให้นักเรียนค้นหาตัวเองให้เจอ เพื่อจบมาแล้วจะได้มีงานทำสามารถเลี้ยงดูตนเองและครอบครัว รวมทั้งฝากให้ส่วนท้องถิ่นดูแลประชาชนในพื้นที่ โดยไม่เลือกว่าจะเชื้อชาติไหน เพราะล้วนเป็นคนไทยด้วยกันทั้งสิ้น และขอให้ช่วยกันทำให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อย เพื่อสร้างความมั่นคงให้กับประเทศต่อไป

 

 

—————-

กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก

นายกรัฐมนตรีเปิดโครงการ Green Army Green Farmer เพื่อประเทศชาติและประชาชน

นายกรัฐมนตรีเปิดโครงการ Green Army Green Farmer เพื่อประเทศชาติและประชาชน แนะเกษตรกรใช้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมตามแนวทาง THAILAND 4.0 เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม สร้างประสิทธิภาพในกระบวนการผลิต กระจายรายได้สู่ชุมชนและเศรษฐกิจฐานราก

 

วันนี้ (7 พฤศจิกายน 2561) เวลา 14.30 น. ณ มณฑลทหารบกที่ 17 ตำบลลาดหญ้า อำเภอเมืองกาญจนบุรี จังหวัดกาญจนบุรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เปิดโครงการ Green Army Green Farmer เพื่อประเทศชาติและประชาชน ซึ่งเป็นโครงการความร่วมมือด้านเกษตรและอาหารปลอดภัย ซึ่งใช้พื้นที่ทหารเป็นฐานการผลิต เพื่อให้สอดรับกับนโยบายรัฐบาลในการส่งเสริมเกษตรแปลงใหญ่ รวมถึงการพัฒนาเกษตรอินทรีย์และเกษตรกรรมยั่งยืน รวมทั้งเพื่อยกระดับสุขภาพ คุณภาพชีวิตให้แก่ประชาชน ตลอดจนนำไปสู่การสร้างความเข้มแข็งของชุมชน การกระจายรายได้ และการส่งเสริมเศรษฐกิจฐานรากให้มีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน โดยมีเกษตรกรและประชาชนเข้าร่วมโครงการ โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้มอบเกียรติบัตรการรับรองแปลงเกษตรปลอดภัยแก่กลุ่มเกษตรกรที่ผ่านการตรวจรับรองคุณภาพกระบวนการผลิต จาก 8 จังหวัดภาคกลางตอนล่าง และภาคตะวันตก พร้อมมอบงบประมาณสนับสนุนการจัดหารถห้องเย็นจากจังหวัดกาญจนบุรี – บริษัทประชารัฐรักสามัคคี – วิสาหกิจเพื่อสังคมจังหวัดกาญจนบุรี – สำนักงานเกษตรจังหวัดกาญจนบุรี – สหกรณ์จังหวัดกาญจนบุรีแก่เกษตรกร

 

จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้กล่าวพบปะกับประชาชนที่มาเข้าร่วมโครงการและให้การต้อนรับตอนหนึ่งว่า วันนี้เดินทางลงพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรีในหลายพื้นที่รู้สึกร้อนและเหนื่อย พอมาเห็นรอยยิ้มที่มีความสุขของประชาชน ทำให้หายเหนื่อย และรู้สึกดีใจ พร้อมกล่าวชื่นชมเกษตรกรที่ได้รับรางวัลแปลงเกษตรปลอดภัย โดยขอให้เกษตรกรใช้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมตามแนวทาง THAILAND 4.0 เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม สร้างประสิทธิภาพในกระบวนการผลิต และการกระจายรายได้สู่ชุมชนและเศรษฐกิจฐานราก พร้อมกับให้หน่วยงานราชการส่งเสริมด้านสุขภาพ และคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่เกษตรกร ในการหันมา ลด ละ เลิก การใช้สารเคมีอันตราย รวมถึงการส่งเสริมให้ประชาชนผู้บริโภคได้มีโอกาสเข้าถึงผลผลิตเกษตรและอาหารที่มีความปลอดภัย มีการวางแผนการผลิต ยึดการตลาดนำการผลิต ผลิตสินค้าตามความต้องการของตลาด

 

สำหรับการตรวจวิเคราะห์รับรองคุณภาพความปลอดภัย นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้มหาวิทยาลัยมหิดลเข้ามาเป็นหน่วยงานหลักในการตรวจวิเคราะห์รับรองคุณภาพความปลอดภัย  เพื่อช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ทั้งตัวเกษตรกรเอง และผู้บริโภคได้อีกด้วย ซึ่งในอนาคตยังสามารถขยายศักยภาพไปสู่อุตสาหกรรมการเกษตร การแปรรูป และการส่งออก รวมทั้งให้ขยายการดำเนินโครงการฯ สู่พื้นที่อื่น ๆ ในรูปแบบการบูรณาการการทำงานเพื่อประโยชน์ต่อการร่วมขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศไทยไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนต่อไป

 

ต่อจากนั้น นายกรัฐมนตรีปลูกต้นรวงผึ้ง ต้นไม้ประจำรัชกาลที่ 10 และนั่งรถรางไฟฟ้าไปยังแปลงสาธิตโครงการ Green Army Green Farmer เพื่อประเทศชาติและประชาชน ตามแปลงสาธิตต่าง ๆ ของโครงการ โดยนายกรัฐมนตรีได้ร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ประกอบด้วย ปรุงอาหารสุขภาพจากวัตถุดิบเกษตรปลอดภัย ปลูกเมล่อนพันธุ์ไข่ไดโนเสาร์ (สายพันธุ์ใหม่ที่พัฒนาโดยประเทศไทย) หว่านเมล็ดข้าวสายพันธุ์ กข 43 (สายพันธุ์ที่มีดัชนีน้ำตาลต่ำ เหมาะสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน) ปล่อยปลาลงในร่องน้ำนาข้าว เป็นต้น เสร็จแล้วนายกรัฐมนตรีพร้อมคณะเดินทางกลับกรุงเทพมหานคร

 

———————

 

กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก

 

matemnews.com 

7  พฤศจิกายน 2561