นายพิตตินันท์ รักเอียด
ธรรมนัสแจกคำชี้แจง – ทีมงานอยู่ในคลิปมีหน้ากากอนามัยจำนวนมาก
หลังจาก “แหม่มโพธิ์ดำ” ตีแผ่ในเฟชบุ้คตั้งแต่เช้า 9 มี.ค.2563 เรื่องคนติดตามรัฐมนตรี โพสต์ในเฟชบุ้คส่วนตัวว่ามีหน้ากากอนามันที่ซื้อไว้ 5 ล้านชิ้น ใครอยากได้ให้เอาเงินสดมาซื้อ กลายเป็นกระแสร้อนสุดขีด เพราะคนไทยกำลังเดือดร้อนหาซื้อไม่ได้ ต่อมาตอนสายๆ “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” รมช.เกษตรและสหกรณ์ แจกคำชี้แจงข้อเท็จจริง ความว่า
กรณีปรากฏข่าวจากการเผยแพร่ของ “เพจแหม่มโพธิ์ดำ” ว่าคนสนิทผู้ติดตามได้กักตุนหน้ากากอนามัยจำนวน 200 ล้านชิ้น เพื่อขายต่อให้กับนายทุนจีนและผู้อื่นนั้น (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : เจอตัวแล้ว! เพจดังแฉ‘คนติดตามรมต.’ตุนแมสนับล้านชิ้น ขาย14บาทฟันกำไรช่วงวิกฤติ) ขอเรียนชี้แจง ดังนี้
(1) จากการตรวจสอบพบว่าผู้กักตุนและขายหน้าหากอนามัยคือ นายศรสุวีร์ ภู่รวีร์รัศวัชรี ซึ่งไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับข้าพเจ้า
(2) ส่วน นายพิตตินันท์ รักเอียด ซึ่งเป็นคณะทำงานของข้าพเจ้านั้น ได้ยืนยันกับข้าพเจ้าว่า ตนได้ไปพบกับนายศรสุวีร์ตามคำแนะนำของเพื่อนเพื่อพูดคุยเรื่องหน้ากากอนามัยจริง โดยได้ไปพบกันที่โรงแรมแมริออท (ประตูน้ำ) กรุงเทพมหานคร แต่ไม่ได้มีการซื้อขายหน้ากากอนามัยกันและไม่เคยรู้จักกันกับนายศรสุวีร์มาก่อนโดยเป็นการพบกันครั้งแรก
(3) เพื่อเป็นการแสดงความบริสุทธิ์ในเรื่องนี้ ข้าพเจ้าได้ขอให้นายพิตตินันท์ไปแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีกับนายศรสุวีร์ในความผิดฐานกักตุนหน้ากากอนามัยและขายสินค้าเกินราคาและในความผิดที่ถูกนายศรสุวีร์แอบอ้างนำข้อความไปโพสต์ดังกล่าว พร้อมกับให้นำหลักฐานการแจ้งความมาแถลงข่าวเพื่อให้ผู้สื่อข่าวได้ตรวจสอบอีกทางแล้วโดยนายพิตตินันท์จะดำเนินการในวันนี้
(4) อนึ่ง นายพิตตินันท์ รักเอียด เคยเป็นผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเขต 6 จังหวัดสุราษฎร์ธานี พรรคพลังประชารัฐ ได้ขอมาเป็นคณะทำงานของข้าพเจ้าจริง แต่หากพบว่านายพิตตินันท์ได้เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดของนายศรสุวีร์ดังกล่าว ข้าพเจ้าพร้อมที่จะให้ความร่วมมือดำเนินคดีกับนายพิตตินันท์ทันที
นายพิตตินันท์ รักเอียด คณะทำงานรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า) แถลงข่าว ว่า เ
“เบื้องต้นผมได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนายนายศรสุวีร์ ภู่รวีรัศวัชรี ที่ สภ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี ใน 2 ข้อหา คือ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ และการกักตุนสินค้า ส่วนการแอบอ้างชื่อผมนั้น ให้ทนายความดำเนินการในชั้นต่อไป โดยย้ำว่าต้องดำเนินการให้เด็ดขาด เนื่องจากทำให้เกิดความเสื่อมเสียทั้งผม และเจ้านายซึ่งก็คือ ร.อ.ธรรมนัส ยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง เชื่อว่าเป็นการตลาดของผู้ที่โพสต์เฟสบุ๊คเพื่อให้เกิดความน่าเชื่อถือ ผมไม่รู้เรื่อง และไม่รู้จักกันเป็นการส่วนตัว ได้พบกันเพียง 2 ชั่วโมงเท่านั้น ขอย้ำว่าผมไม่เคยเจรจาหรือพูดคุยในเรื่องหน้ากากกับนายศรสุวีร์ เลย ส่วนที่นายศรสุวีร์ โพสต์ในเฟสบุ๊คขอบคุณผมในฐานะพี่ชาย ทำให้เข้าใจกันได้ว่าสนิทสนมกับผมนั้น ไม่เป็นความจริง ไม่มีความสนิทสนมอะไร เพราะเป็นการพบกันเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ต้องว่ากันไปตามกระบวนการกฎหมาย และมอบหมายให้ทนายความดำเนินการ”
matemnews.com
9 มีนาคม 2563