นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงแก่ผู้สื่อข่าว 4 ต.ค.2560 ถึงกรณีที่มีข่าวว่าปีหน้ารัฐบาลจะขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มไปที่เต็มเพดาน 10% หรือไม่ ว่า ต้องรอดูว่าพระราชกฤษฎีกา ที่จะคงภาษี 6.3% และภาษีท้องถิ่น 0.7% รวมเป็น 7% ไว้ จะสิ้นสุดลงในวันที่ 1 ต.ค.61 และต้องไปเก็บที่ 9+1% นั้น รัฐบาลชุดนี้จะประกาศผ่านกฤษฎีกาเหมือนเดิมหรือไม่ เพราะถ้ารัฐบาลชุดนี้หาเงินเก่งภาวะเศรษฐกิจดีจริง ก็ไม่ควรที่จะขึ้นภาษีไปเต็มเพดานที่ 10% และควรจะประกาศยืนภาษีที่ 7% แบบนี้ต่อไป ที่ผ่านมาประชาชนยังไม่มีความเชื่อมั่นรัฐบาลในด้านเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการหาเงินเข้าประเทศ เพราะที่ผ่านมามีแต่ผู้นำรัฐบาลออกไปช้อปปิ้ง ยังไม่ค่อยเห็นนโยบายที่ชัดเจนเกี่ยวกับการหาเงินเข้าประเทศนักแม้จะผ่านเข้าสู่ปีที่ 4วันนี้รัฐบาลต้องเลิกหลอกตนเอง และต้องบอกประชาชนว่าเศรษฐกิจเป็นอย่างไรจะได้รับมือทัน ไม่ใช่ล้มเป็นโดมิโน หากเศรษฐกิจดีจริงประชาชนคงไม่บ่นว่าวันนี้เข้าสู่ยุคข้าวยากหมากแพงเหมือนเช่นที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้ และหากประเทศมีเงินคงคลังเยอะคงไม่มีข่าวว่า รมว.คลัง จะถอดใจหรือไขก๊อกออกมา และคงไม่มีเสียงพูดออกจากปาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในกรณีเรื่องภาษีมูลราคาเพิ่มที่เคยพูดว่าจะขอเพิ่มอีก 1% ได้หรือไม่ เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา วันนี้ประชาชนรู้สึกตกใจทั้งเรื่องการเก็บภาษีน้ำ เรื่องการเก็บภาษีบุหรี่และเหล้า และยังมีภาษีอื่นๆที่อยู่ระหว่างรออนุมัติจากกระทรวงการคลัง และ สนช.อีกหลายฉบับ ยิ่งเห็นแบบนี้ยิ่งทำให้ประชาชนไม่มั่นใจว่าวันนี้ประเทศไทยมีสถานภาพทางการเงินอย่างไร บักโกรกใส้แห้ง ถังแตกจริงหรือไม่ รัฐบาลควรออกมาชี้แจงและระบุถึงแนวทางในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจในทุกระดับ และอย่ากลัวการระดมความคิดเห็นจากทุกฝ่ายที่มีประสบการณ์ เพื่อที่จะนำพาประเทศไทยผ่านวิกฤติเศรษฐกิจที่หนักหนาสาหัสในขณะนี้ไปไห้ได้ เพราะวันนี้ประชาชนไม่อยากเห็นประเทศไทยต้องไปใช้บริการกองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือว่าIMF อีกครั้ง
matemnews.com 4 ตุลาคม 2560
