สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็วๆ นี้ เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่ความคืบหน้าคดีกล่าวหา นายเกรียงไกร ชูศิลป์กุล เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม ทุจริตในการจัดซื้อวัสดุเครื่องแต่งกายพนักงานดับเพลิงเกินความเป็นจริง แบ่งซื้อแบ่งจ้าง และเรียกรับเงินจากผู้ขาย
ซึ่งถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ลงมติชี้มูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 ,151, 157 ประกอบมาตรา 90 , 91 และพ.ร.บ.ป.ป.ช.พ.ศ.2542 มาตรา 12 ตั้งแต่เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2560 ที่ผ่านมา
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2563 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 7 มีคำพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามมาตรา 149 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน
ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ตามมาตรา 91 รวม 2 กระทง จำคุก กระทงละ 5 ปี
จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งทุกกระทง ตามมาตรา 78 คงจำคุก กระทงละ 2 ปี 6 เดือน
รวมจำคุก 4 ปี 12 เดือน ข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้ยก
เบื้องต้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีการประชุมเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2563 มีมติเห็นพ้องตามความเห็นอัยการสูงสุด (อสส.) ที่จะไม่อุทธรณ์คำพิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 7
อย่างไรก็ดี สำหรับคดีนี้ยังไม่สิ้นสุด จำเลย มีสิทธิต่อสู้คดีเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในชั้นศาลที่สูงกว่านี้อีกได้
สำหรับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งรัฐ สมาชิกสภาจังหวัด หรือสมาชิกสภาเทศบาล เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท หรือประหารชีวิต
ที่มา https://bit.ly/3pbHGEC