คลิกอ่านข่าว วีระ สมความคิด
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย แถลงแก่ผู้สื่อข่าวเมื่อวันที่ 19 ต.ค.2560 กรณี “กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย” หรือ ปภ. จะจัดซื้อเครื่องตรวจจับความเร็วแบบพกพา เพื่อใช้ในการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ราคาราคาเครื่องลประมาณ 8 แสน มูลค่า 900 ล้านบาท ว่า
“เรื่องนี้ทางคณะกรรมการความปลอดภัยทางถนน ได้สรุปว่า เนื่องจากจะต้องมีการบังคับใช้กฎหมาย จึงต้องมีจุดตรวจจับ และต้องมีเครื่องมือ จึงขอรัฐบาลจัดซื้อ เพราะเครื่องมือมีไม่พอ ที่สำคัญไว้ใช้ดำเนินการ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่เป็นถนนสายรอง หรือถนนในระดับชุมชนหมู่บ้าน ที่พบสถิติการเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก จึงเป็นที่มาของการขอจัดซื้อจากรัฐบาล ส่วนรัฐบาลจะให้ซื้อในจำนวนเท่าไรนั้น ผมไม่ทราบ เพราะไม่ใช่อำนาจหน้าที่ผม ต้องถามทาง ปภ. ดังนั้นราคาที่ซื้อต้องเป็นราคาที่ประกวด แต่ผมไม่ทราบ เพราะไม่ใช่อำนาจหน้าที่ผม ผมมีหน้าที่นำความต้องการไปเสนอ ครม. เมื่อครม.อนุมัติมา ผู้ที่รับผิดชอบก็ไปจัดซื้อจัดจ้าง ไม่ใช่สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทยเป็นผู้จัดซื้อ แต่เป็น กรม ปภ. ที่ดำเนินการจัดซื้อ อย่างไรก็ตามในการดำเนินการทุกขั้นตอนหากพบการกระทำไปในทางทุจริต ผมไม่เอาไว้แน่ แม้แต่ระดับอธิบดี ผมได้ถามไปยังผู้เกี่ยวข้องถึงเหตุผลที่เราต้องจัดซื้อ ทำไมไม่ให้ทางหน่วยงานตำรวจเป็นผู้จัดซื้อ ก็ได้รับคำตอบมาว่า ในพื้นที่ถนนสายรองในระดับท้องถิ่น ท้องที่ หรือระดับชุมชน หมู่บ้าน ที่มาช่วยกันจัดตั้งด่านตรวจ ก็จะสามารถยืมไปใช้ได้ แต่ถ้าเป็นตำรวจจะไม่ให้ยืมW
นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ร่วมแถลงข่าวเสริมว่า
“ราคาจะสูงหรือไม่ ก่อนทำการจัดหาเครื่องตรวจจับความเร็วแบบพกพา ต้องมีการสำรวจราคาจากหลายๆบริษัท รวมถึงพิจารณาข้อมูลการจัดซื้อจากในอดีตที่ผ่านมาด้วย ที่มาของราคาจะต้องสมเหตุสมผลกับสมรรถนะของอุปกรณ์ การจัดซื้อดังกล่าวไม่ได้เป็นการจัดซื้อให้เฉพาะหน่วยงานสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพียงอย่างเดียว แต่จัดซื้อให้ทุกส่วนราชการ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยใช้ใน 2 ลักษณะ 1.บังคับใช้ตามกฎหมาย 2.เพื่อสร้างกระบวนการเรียนรู้ ปลุกเร้าความรู้สึกของประชาชนในแต่ละพื้นที่ที่เลี่ยงกฎหมาย ทุกเครื่องจะเป็นของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เครื่องจะมีประจำอยู่ทุกจังหวัด โดยแต่ละภาคส่วนจะมาขอยืมใช้ที่จังหวัด ขณะนี้ยังไม่มีการจัดซื้อแต่อย่างใด ยังอยู่ในขั้นตอนของการเสนอว่า มีความจำเป็น ผู้เสนอเป็นกรรมการภาคเอกชน คือ มูลนิธิเมาไม่ขับ และองค์กรต่างๆ ได้เสนอเข้ามาทุกปี แต่ที่ผ่านมายังไม่มีงบประมาณ เพิ่งจะได้รับงบฯกลางในปีนี้ การจัดซื้อจะเป็นระบบเปิด ที่เรียกว่า การประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ หรืออี บิดดิ้ง ถ้าสังคมต้องการให้เกิดความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน ต้องยอมรับความจริงว่า ถ้าจะบังคับใช้กฎหมาย หรือสร้างการมีส่วนร่วมรับรู้ได้ ต้องมีเครื่องมือ และมีการปฏิบัติอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา ขั้นตอนเมื่อทราบว่า ได้รับการอนุมัติงบประมาณ ก็จะเข้าสู่กระบวนการการจัดหา เชิญบริษัทเอกชนที่เกี่ยวข้องเข้ามาร่วมประมูลให้มากๆ เพื่อมาเสนอขาย จะมีการกำหนดสเปคของเครื่องตรวจจับความเร็ว โดยเชิญส่วนที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สตช. กรมการขนส่งทางบก ส่วนราชการของ ปภ. และสื่อมวลชน มาร่วมกันกำหนด เมื่อได้ข้อตกลงแล้ว ก็จะเข้าสู่กระบวนการทำประชาพิจารณ์ ในขั้นตอนการทำประชาพิจารณ์นี้สามารถโต้แย้งได้ จากนั้นจะประกาศเชิญบริษัทเอกชนที่เกี่ยวข้องมาเสนอขาย เมื่อได้ข้อยุติ ก็จะเข้าสู่กระบวนการจัดหา การเสนอราคา และประกวดราคาอี บิดดิ้ง เพื่อพิจารณาอีกครั้ง ซึ่งทุกอย่างเป็นไปตามระเบียบ”
Matemnews.com 19 ตุลาคม 2560
