Home ข่าวทั่วไปรอบวัน พลเอกประยุทธ์อธิบายวิธีคิดปรับครม.ล่าสุด

พลเอกประยุทธ์อธิบายวิธีคิดปรับครม.ล่าสุด

550
0
SHARE

 

เสียงวิจารณ์การปรับ ครม.ครั้งล่าสุดของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี  ที่ให้“นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์” อดีตรัฐมนตรีคนของพรรคชาติไทย  เข้ามาเป็นรมว.ท่องเที่ยว คือ  การดีลกับพรรคการเมืองต่อไมตรีเพื่อผลหลังการเลือกตั้งใหม่  ประเด็นนี้  พล.อ.ประยุทธ์ ชี้แจงแก่นักข่าวในช่วงของการแถลงข่าว  หลังการประชุมครม.ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย จังหวัดสงขลา เมื่อบ่ายวันที่ 28 พ.ย.2560 ว่า

 

“ผมไม่สนใจว่าใครจะเป็นคนจากพรรคไหน  ผมไม่รู้   เพราะวันนี้ไม่มีพรรค พามาทำไม่ดีก็กลับไปพักผ่อน เป้าหมายของผม  คือ  ต้องการให้กับประชาชน ที่ผ่านมาก็ทำงานมาด้วยกันอยู่แล้วก็เกิดความไว้วางใจซึ่งกันและกัน ผมไม่ได้มอง  หรือดีลการเมืองกับใคร เพราะผมไม่ใช่นักการเมือง ผมไม่ดีลกับใครทั้งสิ้น เป็นเรื่องของการแสดงผลงานออกมาให้เห็น ช่วงที่ผ่านมาก็ได้ทำงานร่วมกับคณะรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแลการท่องเที่ยวมาโดยตลอด ก็น่าจะทำงานได้ดี สื่อเองก็ออกมาพูดไม่ใช่หรือว่า อยากเปลี่ยนแปลงบ้าง ทหารไม่ดีบ้าง ก็ลองหมุนดูแล้วกัน ผมก็คาดหวังว่าจะดีขึ้น  เดิมก็ดีอยู่แล้วไม่ได้มีความเสียหายอะไร   การปรับ ครม.ไม่มีใครถูกใจทั้งหมด ผมเองก็ไม่มีทางเลือกมากนัก และไม่ใช่เป็นเรื่องของ เพื่อน พ้อง น้องพี่ อะไร เป็นคนละเรื่องกัน  พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ที่ออกจากตำแหน่ง รมช.กลาโหม  ที่ผ่านมาพล.อ.อุดมเดช ก็ทำงานร่วมกับผมถึง 3 ปีแล้ว  พล.อ.อุดมเดชก็ยังอยู่ใน คสช. สิ่งสำคัญวันนี้ผมกำลังเน้นไปสู่เรื่องของความปรองดอง ก็มอบหมายให้พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม มาดูเรื่องของความปรองดอง เป็นหัวหน้าคณะเรื่องความปรองดอง   ในเรื่องของการปฏิรูป   ในเรื่องของภาคใต้ ในส่วนของ คปต.ส่วนหน้า วันนี้ได้หารือกับพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ไปแล้วว่า จะมอบหมายให้พล.อ.สุรเชษฐ ชัยวงศ์ รมช.ศึกษาธิการ  ซึ่งลงพื้นที่ทำงานในภาคใต้อยู่แล้วรับผิดชอบการวิพากษ์วิจารณ์ว่าเปลี่ยนตัวจากทหาร  ก็ใช้ทหารอีกแล้ว ผมถามว่าถ้าไม่เป็นทหารจะลงไปเดินในภาคใต้ได้หรือไม่ แล้วใครจะกล้าไปเดินร่วมกับเขา ที่ผ่านมาพล.อ.สุรเชษฐก็เดินลงไปทำงานในพื้นที่ภาคใต้อยู่แล้วเกือบทุกสัปดาห์ ดูแลเรื่องการศึกษาทำให้หลายอย่างมีการพัฒนาไปในทิศทางที่ดี   อาจารย์เข้ามารับหน้าที่ก็จะได้สานงานต่อจากพล.อ.อุดมเดช  ทั้งสองท่านก็เป็นเพื่อนรุ่นเดียวกันอยู่แล้ว ผมได้พูดกับพล.อ.อุดมเดชไปก่อนหน้าที่จะมีการปรับ ครม. ก็เข้าใจกันดี ท่านบอกยินดีครับ   และบอกว่าพร้อมที่จะช่วยทำงาน   ซึ่งก็ขอบคุณในการทำงานร่วมกันมา  ผมก็เห็นว่ารัฐมนตรีทุกคน พูดกับผมเช่นนี้ก่อนหน้าที่จะปรับ ครม.ด้วยซ้ำไป   มีหลายหลายที่พูดกันไปก่อน   ความจริงผมไม่ควรจะพูดกับใครด้วยซ้ำเพราะเรื่องนี้เป็นสิทธิ์ของผม   ในส่วนการปรับเปลี่ยนตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์นั้น ยืนยันอีกครั้งว่า พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ ว่าที่รองนายกรัฐมนตรี อดีตรมว.เกษตรฯ ไม่ได้ทำอะไรเสียหาย ที่ผ่านมาทำงานหลายอย่างในเชิงโครงสร้าง หลายอย่างมีการปรับรูปแบบในการทำงาน หลายอย่างเป็นเรื่องของการบริหารจัดการ รวมทั้งการเพิ่มขีดความสามารถในการสร้างความเข้มแข็งของเกษตรกร มีโครงการหลักในหลายโครงการ มีการเปลี่ยนแปลง มีรายได้เพิ่มเติม แต่สิ่งที่มีความจำเป็นวันนี้คือเราจะต้องเพิ่มเติมในระยะที่ 2   ผมก็อยากได้คนใหม่มาทำงานบ้างขณะเดียวกันนโยบายเดิมที่ทำไว้ก็ต้องทำต่อไป   เราทำในเชิงโครงสร้างของกรอบใหญ่ไปแล้ว   ก็อยากได้คนใหม่ๆหัวใสมาทำต่อ  และไม่ว่าจะอย่างไรพล.อ.ฉัตรชัยก็อยู่กับผมอยู่แล้ว  ผมก็สามารถที่จะสอบถามติดตามเรื่องต่างๆได้ทั้งหมด   ไม่ต้องกังวล ยืนยันไม่ได้มีปัญหาอะไรทั้งสิ้น   อย่างที่บอก   ใครก็ไม่ถูกใจสื่อทั้งสิ้น  ความมุ่งหมายในการปรับ ครม.ทั้งหมดนั้นคือต้องการคนใหม่เข้ามาเพื่อให้เกิดภาพของการเปลี่ยนแปลง ประชาชนรับรู้และรับทราบว่าการปรับ ครม. ไม่ใช่ประเด็นสำคัญสิ่งสำคัญอยู่ที่รัฐบาล นายกรัฐมนตรีที่จะขับเคลื่อน ดังนั้นไม่ว่าใครจะเข้ามาก็ต้องขับเคลื่อนโดยนายกรัฐมนตรี ที่จะต้องรอบรู้มีวิสัยทัศน์สามารถทนและอดทนต่อคำติฉินนินทา  ผมก็ยังมีอยู่เต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ ใครจะว่าอะไรผมก็ต้องทำเพราะนี่คือบ้านเมือง เป็นประเทศไทยของผม  และของทุกคน  ก็ต้องอดทน”

 

 

เมื่อแถลงมาถึงตอนนี้นักข่าวได้เปลี่ยนประเด็นถามเรื่อง  2 พรรคใหญ่ อย่างประชาธิปัตย์กับเพื่อไทยบอกว่า มีความเป็นไปได้ที่จะจับมือกันทางการเมือง พล.อ.ประยุทธ์ ตอบว่า

 

“เป็นเรื่องของเขา ผมไม่สนใจว่าใครจะร่วมกับใคร  ก็เชิญ ผมไม่เกี่ยวข้อง   เพราะผมจะทำงานให้ประเทศของผม เรื่องอื่นค่อยว่ากัน”

 

ถึ่วงนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ให้นักข่าวถามต่อ  แต่ไม่มีคนถาม บอกว่าเดี๋ยวส่งข่าวไม่ทัน  พล.อ.ประยุทธืก็เลยได้โอกาสต่อว่านักข่าว

” ตกลงผมต้องยอมสื่อทั้งหมดหรือ ไม่ให้สัมภาษณ์ก็ไม่ได้ พอจะให้สัมภาษณ์ต่อก็บอกว่าเดี๋ยวข่าวออกไม่ทัน สรุปหากินกับผมอย่างเดียว แล้วไม่สงสารผมบ้างหรือที่พูดจนเหนื่อย แล้วทีเมื่อคืนวันที่ 27 พฤศจิกาก็ออกข่าวกันเสียงแจ๋วๆว่าละเมิดสิทธิมนุษยชน มีเจตนาอย่างไรผมไม่รู้ขอให้กลับไปคิดมาใหม่”

 

 

Matemnews.com  28 พฤศจิกายน 2560