คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. มีการประชุมเมื่อตอนเช้าวันที่ 30 พ.ย.2560 เสร็จแล้ว นายวรวิทย์ สุขบุญ รองเลขาธิการป.ป.ช. รักษาการแทนเลขาธิการป.ป.ช. แถลงข่าวแก่สื่อมวลชน ว่า
คณะกรรมป.ป.ช.มีมติมติว่า พ.ต.วีรวุฒิ วัจนะพุกกะ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการ รมว.พาณิชย์ และเลขานุการ รมว.พาณิชย์ ร่ำรวยผิดปกติ โดยมีทรัพย์สินมากผิดปกติ หรือมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมากผิดปกติ หรือได้ทรัพย์สินมาโดยไม่สมควรสืบเนื่องจากการปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ รวมมูลค่า896,554,760 บาท
ประกอบด้วย 1.เงินฝากธนาคารพาณิชย์ ในชื่อ พ.ต.วีรวุฒิ และอดีตคู่สมรส บุตร เครือญาติและผู้ใกล้ชิด จำนวน 53 บัญชี เป็นเงิน 567,715,461 บาท
2.เงินลงทุนในชื่อพ.ต.วีรวุฒิ และอดีตคู่สมรส บุตร เครือญาติและผู้ใกล้ชิด จำนวน 6 แห่ง มูลค่า 260,142,651 บาท
- ที่ดินในชื่ออดีตคู่สมรส บุตร เครือญาติ จำนวน 12 แปลง ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร มูลค่า 57,066,828 บาท
4.ห้องชุดในชื่อเครือญาติในพื้นที่สีลม 1 ห้อง มูลค่า 6,200,000 บาท
5.รถยนต์จำนวน 4 คัน ในชื่อเครือญาติและผู้ใกล้ชิด มูลค่า 6,309,000 บาท
ป.ป.ช.ได้มีมติให้ส่งเรื่องให้อัยการสูงสุด ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพื่อขอให้ศาลสั่งให้ยึดทรัพย์ของ พ.ต.วีรวุฒิ มูลค่า 896,554,760 บาท ที่ได้มาโดยร่ำรวยผิดปกติตกเป็นของแผ่นดิน ตาม พ.ร.บ.ป.ป.ช. 2542 มาตรา 80
รวมทั้งขอให้อัยการสูงสุด ยื่นคำร้องต่อศาล เพื่อจัดให้มีวิธีคุ้มครองตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 254(1) และหากไม่สามารถบังคับคดีเอาแก่ทรัพย์สินของผู้ถูกกล่าวหาได้ทั้งหมด หรือได้แต่บางส่วนแล้ว ขอให้บังคับคดีเอาแก่ทรัพย์สินอื่นได้ ตามนัยมาตรา 83 พ.ร.บ.ป.ป.ช.
กรณีดังกล่าว สืบเนื่องมาจากเมื่อครั้ง ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรมว.พาณิชย์ คดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าวและการระบายข้าวโดย ซึ่งมี พ.ต.วีระวุฒิ รวมอยู่ด้วย คณะกรรมการป.ป.ช.ได้พิจารณาว่า พ.ต.วีระวุฒิ เป็นตัวจักรสำคัญในการทุจริตดังกล่าว จึงมีเหตุอันควรสงสัยว่า พ.ต.วีระวุฒิ ร่ำรวยผิดปกติ และมีการตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวน โดยมี น.ส.สุภา ปิยะจิตติ กรรมการป.ป.ช. เป็นประธานอนุกรรมการ ซึ่งในการตรวจสอบของคณะอนุกรรมการไต่สวน มีการแจ้งผู้ที่เกี่ยวข้อง แม้ พ.ต.วีระวุฒิ จะหลบหนีออกนอกประเทศไปแล้วก็ตาม และในการชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาของคนใกล้ชิด พ.ต.วีระวุฒิ ก็สรุปได้ว่าไม่สามารถชี้แจงที่มาของทรัพย์สินดังกล่าวได้ คณะกรรมการ ป.ป.ช.จึงมีมติว่า พ.ต.วีระวุฒิร่ำรวยผิดปกติ โดยมีทรัพย์สินมากผิดปกติ หรือมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมากผิดปกติ หรือได้ทรัพย์สินมาโดยไม่สมควรสืบเนื่องจากการปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่
นอกจากนี้ ป.ป.ช.ยังมีการสอบทรัพย์สินเชิงลึกกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับโครงการรับจำนำข้าวที่เหลือ ประกอบด้วยบุคคลที่เป็นนักการเมือง 5 ราย และเจ้าหน้าที่รัฐอีก 3 ราย ซึ่งคณะอนุกรรมการไต่สวนป.ป.ช.อยู่ระหว่างดำเนินการตรวจสอบทรัพย์สินเชิงลึก โดยบางคดีมีความคืบหน้าไปแล้ว 70 เปอร์เซ็นต์ และบางคดีคืบหน้าไปถึง 90 เปอร์เซ็นต์
Matemnews.com 30 พฤศจิกายน 2560