เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 30 พ.ย.2560 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นำรัฐมนตรีใหม่เข้าเฝ้าฯ เพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณ ก่อนเข้าปฏิบัติหน้าที่ ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต กรุงเทพฯ
ในการนี้สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำรัสต่อคณะรัฐมนตรีตอนหนึ่งว่า
“การทำงานแน่นอนต้องเจอปัญหาข้อขัดข้อง และเกิดข้อบกพร่องหรือข้อผิดพลาดตลอด อันนี้เป็นมาตามประวัติศาสตร์ แต่ถ้าเกิดใช้ปัญญาพร้อมใช้กำลังใจและความมุ่งมั่นที่ดี ก็จะรู้จักแก้ไขข้อขัดข้อง ข้อบกพร่องและอุปสรรคต่างๆที่จะเกิดขึ้นได้ เพราะความสุขส่วนรวมภาพรวม ตลอดจนความมั่นคงของประเทศชาติและประชาชนก็เป็นสิ่งสำคัญของประเทศไทย มีวิธีการทำงานมากมายหลายอย่าง แต่ความมุ่งมั่นและความตั้งใจรับใช้ประชาชน ประเทศ และสถาบันอันสูงสุดดังกล่าวของชาติมีความสำคัญ ประชาชนเขาอยากมีความสุข ประชาชนเขาอยากมีความมั่นใจปลอดภัยและเขาก็พร้อมที่จะเดินก้าวหน้าไปในทางที่ถูกที่ควร คณะรัฐมนตรีก็มีหน้าที่ขับเคลื่อนดูแลปกป้องคุ้มครองประเทศชาติแผ่นดินของเรา ขอให้คำนึงถึงพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ท่านรับสั่งไว้มากมาย ท่านทรงปฏิบัติไว้มากมาย ท่านไปศึกษาพระราชกรณียกิจ พระราชปณิธานของพระองค์ท่าน ก็คงจะเป็นสิ่งที่เป็นแนวทางที่ดีของประเทศชาติเพื่อจะสืบสานต่อจากพระราชปณิธานจากพระองค์ แน่ใจว่าประชาชนเขาก็ต้องการแบบนั้น ก็ขอให้โชคดีทุกคน”
หลังเข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณตนแล้ว นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รมว.กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว ว่า
“สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำรัสที่เป็นมงคลอย่างยิ่งแก่คณะรัฐมนตรี ที่คณะรัฐมนตรีรับใส่เกล้าใส่กระหม่อมในการปฏิบัติหน้าที่ ทรงมีรับสั่งโดยห่วงใยความทุกข์สุขของประชาชนเรื่องความปลอดภัย และเรื่องวัฒนธรรม ส่วนกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงกระแสว่าผมมาจากพรรคการเมืองนั้น ขอเรียนว่าคงต้องดูจากคำตอบที่นายกรัฐมนตรีได้ให้ไว้ ผมไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคการเมืองมาตั้งแต่ปลายปี 2551 แล้ว และมีความตั้งใจทำงานในครั้งนี้ เนื่องจากทำงานด้านการท่องเที่ยวและกีฬามาอย่างต่อเนื่อง คงได้นำประสบการณ์ที่มีมาใช้ประโยชน์ประกอบการทำงานเพื่อนำมาพัฒนาในระบบอุตสาหกรรมท่องเที่ยว และโครงสร้างเชิงระบบของกระทรวงให้สอดคล้องกับระบบดิจิตอล ที่กำลังเข้ามามีส่วนอย่างมาก รวมทั้งจะพัฒนาระบบการท่องเที่ยวที่เคยถูกมองว่าเป็นอุตสาหกรรมทำเงินมาช่วยเป็นเครื่องมือในการลดความเหลื่อมล้ำในสังคม ระยะเวลาที่เหลืออยู่ของรัฐบาลที่มาเพื่อการปฏิรูปก่อนนำไปสู่การเลือกตั้ง ดังนั้น งานในหนึ่งปีข้างหน้านี้จะไม่ใช่งานเพื่อเพียงแค่สร้างความนิยม แต่เป็นเรื่องการสร้างรากฐานเพื่อทำให้ใครก็ตามที่จะเข้ามารับตำแหน่งต่อในอนาคตได้เห็นว่ามีการปรับพื้นฐานและข้อกฎหมายเพื่อความคล่องตัวมากขึ้น ระยะเวลาที่มีเหลืออยู่หนึ่งปีนี้เชื่อว่าจะสามารถทำงานได้มากพอควร แตกต่างไปจากรัฐบาลปกติซึ่งอาจจะมีข้อจำกัดเรื่องเวลา ผมจะมุ่งเน้นการสร้างการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ยึดหลักนิยามตามสากล หรือจีเอสทีซี ซึ่งมีอยู่ 51 ตัวชี้วัดที่ใช้ในสากล เราก็จะนำมาใช้ จะเน้นเรื่องการอำนวยความสะดวกให้แก่คนทุกเพศทุกวัย ผู้สูงอายุและคนพิการ เพื่อให้เข้าถึงการท่องเที่ยวได้”
นายกฤษฎา บุญราช รมว.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้สัมภาษณ์นักข่าว ว่า
“สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระราชกระแสรับสั่งให้รัฐมนตรีทุกคนตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ คำนึงถึงความมั่นคงของประเทศชาติ และประโยชน์สุขของประชาชน”
นายสมชาย หาญหิรัญ รมช.อุตสาหกรรม ให้สัมภาษณ์ว่า
“สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีกระแสพระราชดำรัสต่อคณะรัฐมนตรีใหม่ พระองค์ท่านมีความเป็นห่วงประชาชนขอให้ ครม.ใหม่ทุกคนทำงานเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง ความสุขของประชาชนเป็นสิ่งที่ ครม.ทุกคนจะต้องคำนึงถึง ซึ่ง ครม.ทุกคนก็น้อมรับในกระแสรับสั่งของพระองค์ท่าน ในวันที่ 1 ธ.ค.จะมีการประชุมทันที ขณะที่ในส่วนการทำงานผมคงจะมาดูแลในเรื่องของเอสเอ็มอีเป็นหลัก รวมทั้งเรื่องของโรงงาน และเรื่องปัญหาเมืองแร่ทองคำที่ยังมีปัญหาอยู่”
นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ให้สัมภาษณ์นักข่าว ว่า
“พระองค์ทรงรับสั่งว่าอาจจะต้องเผชิญปัญหา และทรงอวยพรกับ ครม.ทุกคนให้ประสบความสำเร็จในการทำงานเพื่อประเทศ ผมและ ครม.ใหม่ทุกคนก็น้อมรับกระแสรับสั่งของพระองค์ การทำของผมจะเริ่มวันที่ 1 ธ.ค.2560 นโยบายไทยแลนด์ 4.0 ที่นายกรัฐมนตรีมอบหมายนั้น จะเดินด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เนื่องจากเป็นเรื่องของคน ก็จะเป็นเรื่องที่เอา 4.0 ให้เกิดเป็นรูปธรรม ขับเคลื่อนผ่านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรม ในวันที่ 1 ธ.ค ผมจะไปมอบนโยบายเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ การทำงานของ ป.ย.ป.นั้น ขึ้นอยู่นายกรัฐมนตรีจะพิจารณาตามความเหมาะสมว่าจะมอบหมายอย่างไรซึ่งไม่น่าจะมีปัญหาอะไร”
Matemnews.com 30 พฤศจิกายน 2560