ที่ห้องพิจารณา 909 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เมื่อเวลา 10 น.วันที่ 14 ธ.ค.2560 ศาลออกนั่งบังลังค์ อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาในคดี อ.4176/2552 ที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาท จากกรณี นายจตุพร ขึ้นเวทีชุมนุมกลุ่มเสื้อแดงเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม และ 17 ตุลาคม 2552 ปราศรัยกล่าวหา นายอภิสิทธิ์ ประวิงเวลาในการทำความเห็นเสนอต่อสำนักราชเลขาธิการเพื่อขอพระราชทานอภัยโทษให้แก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ตามที่กลุ่มเสื้อแดงร่วมกันลงชื่อถวายฎีกา รวมทั้งกล่าวหา นายอภิสิทธิ์ ในทำนองเป็นฆาตกรสั่งฆ่าประชาชนระหว่างการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง ซึ่งจำเลยให้การปฏิเสธ
นายจตุพร ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯอยู่แล้ว ตามคำพิพากษาศาลฎีกา ให้จำคุก 1 ปี โดยไม่รอลงอาญา คดีหมายเลขดำ อ.1962/2552 ที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายจตุพร เป็นจำเลยอีกคดีหนึ่ง กรณีเมื่อวันที่ 10 พ.ค. 2552 นายจตุพร ได้กล่าวปราศรัยใส่ร้ายนายอภิสิทธิ์ ทำนองว่า รัฐบาลนายอภิสิทธ์ เป็นรัฐบาลภายใต้ทรราชฟันน้ำนม สั่งให้คนเสื้อน้ำเงินยิงคนเสื้อแดงช่วงการประชุมอาเซียน ที่พัทยา จ.ชลบุรี สร้างสถานการณ์ที่กระทรวงมหาดไทยว่าถูกทุบรถเพื่อใส่ร้ายคนเสื้อแดง รวมทั้งกล่าวหาว่า โจทก์เป็นคนสั่งทหารให้ไปยิงประชาชน เป็นฆาตกรมือเปื้อนเลือดฆ่าประชาชน ใส่ร้ายประชาชนกลุ่มคนเสื้อแดง โจทก์จะต้องถูกประหารชีวิต ข้อหาฆ่าคนตาย และข้อความอื่น ๆ ซึ่งล้วนเป็นเท็จ ซึ่งศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ พิพากษายืนให้ยกฟ้องนายจตุพร เนื่องจากเห็นว่า การกระทำของนายจตุพรไม่เป็นความผิด
ต่อมา นายอภิสิทธิ์ จึงยื่นฎีกา ขอให้ศาลฎีกา พิพากษาลงโทษนายจตุพร พรหมพันธุ์ และเมื่อวันที่ 20 ก.ค.2560 ศาลฎีกาได้พิพากษากลับให้จำคุกนายจตุพร พรหมพันธุ์ เป็นเวลา 1 ปี โดยไม่รอลงอาญา และโฆษณาคำพิพากษาใน นสพ.รายวัน 3 ฉบับเป็นเวลา 7 วัน โดยจำเลยเป็นผู้ชำระค่าโฆษณา ว่า การกระทำของนายจตุพร เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นให้ได้รับความเสียหายจริง เพราะไม่ได้แสดงความเห็นโดยสุจริต และไม่เป็นการติชมด้วยความเป็นธรรม
เช้าวันที่ 14 ธ.ค. เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ได้เบิกตัวนายจตุพร ออกมาจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ มาฟังคำพิพากษา คดีหมายเลข อ.4176/2552 ซึ่งเป็นอีกคดีปรากฏว่านายจตุพร อยู่ในสภาพร่างกายซูบผอมลงไปมาก
คดีหมายเลข อ.4176/2552 ที่ศาลอ่านคำพิพากษาของศาลฎีกาในวันนี้ ศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์ พิพากษาจำคุก นายจตุพร จำเลยกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาท ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328 รวม 2 กระทงๆ ละ 1 ปี รวมจำคุก 2 ปี และไม่รอการลงโทษ เนื่องจากเห็นว่า ประโยคปราศรัยที่นายจตุพรกล่าวว่า เป็นอาชญากรสั่งฆ่าประชาชนอย่างเลือดเย็นที่สุด คำปราศรัยของจำเลยดังกล่าวเป็นการยืนยันว่าโจทก์เป็นอาชญากรสั่งฆ่าประชาชน จึงมิใช่เป็นการกล่าวติชมด้วยความเป็นธรรม ทำให้โจทก์ถูกดูหมิ่นเกลียดชังและทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ภายหลังทนายความจำเลยได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เงินสด 2 แสนบาท ประกันตัวระหว่างฎีกาสู้คดี ซึ่งศาลอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว
นายจตุพร ยื่นฎีกาอีก ขอให้ศาลฎีการอการลงโทษด้วย ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือแล้วเห็นว่า จำเลยปราศรัยหมิ่นประมาทใส่ความโจทก์เพื่อให้ประชาชนออกมาขับไล่โจทก์ในฐานะเป็นรัฐบาล ซึ่งเป็นการหมิ่นประมาทใส่ร้ายโจทก์ตามฟ้องจริง ส่วนที่จำเลยฎีกาขอให้ศาลรอลงอาญานั้น เมื่อพิจารณาเเล้วเห็นว่า ถ้อยคำของจำเลยไม่เป็นการสมควร หมิ่นเหม่กระทบสถาบันจึงไม่มีเหตุรอการลงโทษ เเต่ในชั้นฎีกาจำเลยในยอมรับว่า ได้ปราศรัยถ้อยคำดังกล่าวจริง แต่เห็นควรลดโทษบ้าง จึงพิพากษาเเก้ให้จำคุกกระทงละ 6 เดือน รวม 2 กระทงเป็นจำคุก 12 เดือน นอกจากนั้นให้เป็นไปตามศาลชั้นต้น
matemnews.com 14 ธันวาคม 2560