Home ข่าวทั่วไปรอบวัน สหรัฐฯถอดไทยออกจากจากบัญชีประเทศที่ต้องจับตามองพิเศษสถานะการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา

สหรัฐฯถอดไทยออกจากจากบัญชีประเทศที่ต้องจับตามองพิเศษสถานะการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา

913
0
SHARE

 

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ แถลงแก่ผู้สื่อข่าวว่า   เมื่อเวลา 22.00 น. วันที่ 15 ธันวาคม  2560  ตามเวลาประเทศไทย นายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐอเมริกา ได้ประกาศปรับสถานะการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาของไทยภายใต้กฎหมายการค้าสหรัฐฯ มาตรา 301 พิเศษ (Special 301) จากบัญชีประเทศที่ต้องจับตามองพิเศษ (Priority Watch List: PWL) เป็นบัญชีประเทศที่ต้องจับตามอง (Watch List: WL) หลังจากที่ได้จัดให้ไทยอยู่ในบัญชีPWL ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2550 – 2560 หรือเปล่าเวลากว่า 10 ปี  ความสำเร็จในครั้งนี้ นอกจากเป็นผลมาจากความมุ่งมั่นจากระดับนโยบายแล้ว ก็ต้องขอขอบคุณทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ได้บูรณาการการทางานร่วมกันมาอย่างเข้มแข็ง โดยการปรับสถานะ ออกจากบัญชี PWL จะมีส่วนสาคัญในการผลักดันการเติบโตทางเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุน โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับนวัตกรรมและเทคโนโลยี  และทรัพย์สินทางปัญญาเป็นหนึ่งในปัจจัยสาคัญที่สหรัฐฯ พิจารณาในการให้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร หรือ GSP ซึ่งก็ขอให้การปรับสถานะของไทยที่บรรลุผลในครั้งนี้เป็นของขวัญปีใหม่สาหรับคนไทยทุกคน”นายสนธิรัตน์ กล่าว

 

ในการประกาศผลครั้งนี้ USTR ระบุว่า สหรัฐฯ ตระหนักถึงความก้าวหน้าอย่างมีนัยยะสาคัญในการพัฒนาด้านการคุ้มครองและป้องปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของไทย โดยมีการกำหนดนโยบายที่ชัดเจนในระดับสูงตั้งแต่นายกรัฐมนตรี ภายใต้คณะกรรมการนโยบายทรัพย์สินทางปัญญาแห่งชาติ และคณะอนุกรรมการปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ทำให้มีการบูรณาการอย่างจริงจังจนเห็นผลเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะเรื่องการปราบปราม การละเมิดในท้องตลาด หลายพื้นที่หมดไป ไม่มีสินค้าละเมิด ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2560 เป็นต้นมา

 

ขณะเดียวกัน ได้ยังมีการจัดตั้งศูนย์ปราบปราม การละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อออกตรวจตราจับกุมใน 5 ย่านการค้าสาคัญ คือ ศูนย์การค้าเอ็มบีเค ตลาดนัดจตุจักร ตลาดโรงเกลือ (จังหวัดสระแก้ว) หาดป่าตอง และหาดกะรน (จังหวัดภูเก็ต

 

นอกจากนี้ สหรัฐยังได้เห็นถึงความพยายามของไทยในการแก้ไขข้อกังวลของภาคเอกชนสหรัฐฯทั้งในส่วนที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินทางปัญญาโดยตรง เช่น การพัฒนาประสิทธิภาพในการจดทะเบียนสิทธิบัตรและเครื่องหมายการค้า โดยเพิ่มภาครัฐของไทยได้เพิ่มจำนวนผู้ตรวจสอบ และปรับปรุงขั้นตอนการจดทะเบียน จนทำให้สามารถ ลดปริมาณงานค้างสะสมลงไปอย่างเห็นได้ชัด รวมทั้งการเข้าเป็นภาคีพิธีสารมาดริดว่าด้วยการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ประกอบการที่จะยื่นขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าในประเทศใดประเทศหนึ่ง แต่สามารถขอรับความคุ้มครองได้ในประเทศภาคีหลายประเทศ

 

ส่วนเรื่องที่มิได้เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินทางปัญญาโดยตรง เช่น การเสริมสร้างความโปร่งใสมีการรับฟังความเห็นผู้มีส่วนได้เสียของสานักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เป็นประจำ ซึ่งช่วยคลายความกังวลของภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องลงไปได้มาก

 

 

Matemnews.com  16 ธันวาคม 2560