นายสมชัย ศรีสุทธิยากร คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แถลงแก่ผู้สื่อข่าวเมื่อตอนเช้าวันที่ 19 ธ.ค.2560 ถึงกรณีที่ นายวิษณุ เครืองาม เผยแก่ผู้สื่อข่าวว่าว่า คสช. มีการหารือข้อเสนอแก้ไข พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงที่จะใช้มาตรา 44 แก้ไข มากกว่าการแก้ไขตามแนวทางปกติ ว่า
พ.ร.ป.พรรคการเมือง 2560 ที่มีผลบังคับใช้เมื่อ 8 ต.ค.60 เป็นการออกแบบระบบพรรคการเมืองใหม่ เพื่อให้พรรคการเมืองมีความเข้มแข็ง เป็นสถาบัน มีรากฐานจากประชาชน และป้องกันการแทรกแซงจากนายทุนพรรค หลายข้อกำหนดใน พ.ร.ป.ดังกล่าว จึงมีขึ้นเพื่อตอบโจทย์ที่กำหนดมา ไม่ว่าจะเป็นการให้พรรคต้องมีสาขาหรือตัวแทนพรรคถึงในระดับจังหวัด จึงจะส่งผู้สมัครได้ ต้องมีทุนประเดิมอย่างน้อยหนึ่งล้านบาท และการเก็บค่าสมาชิกพรรคเพื่อให้สมาชิกมีส่วนร่วมในการเป็นเจ้าของ ต้องมีการทำไพรมารีโหวต เพื่อให้สมาชิกพรรคมีเสียงในการคัดสรรผู้สมัคร ไม่ใช่อำนาจของนายทุนเจ้าของพรรค สิ่งเหล่านี้คือ สาระหลักที่เป็นหัวใจของ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง โดยมีจุดหมายปลายทางคือการปฏิรูปการเมืองและการเลือกตั้ง
กรอบเวลาต่างๆ ที่กำหนดให้พรรคต้องดำเนินการ ไม่ว่าจะเป็นภายใน 90 วัน 180 วัน 1 ปี หรือ 4 ปี ล้วนแล้วแต่เป็นภาคบังคับที่กำหนดให้พรรคต้องทำตาม โดยหวังว่า พรรคการเมืองต่างๆ ที่มีอยู่เดิมจะใช้เวลาดังกล่าวในการดำเนินการอย่างมีขั้นตอนเป็นระบบ ส่วนพรรคการเมืองใหม่ที่จะจัดตั้งขึ้นก็อยู่ภายใต้กติกาต่างๆ ซึ่งไม่ต่างกันมาก บางอย่างได้เปรียบ บางอย่างอาจเสียเปรียบ ภายใต้ฐานคติว่าคงไม่สามารถทำให้เหมือนกันทุกอย่างได้
มาวันนี้ ผู้ยิ่งใหญ่ทางการเมืองท่านหนึ่งผู้ชูธงปฎิรูปก่อนเลือกตั้งมาตลอด และผู้เตรียมการจัดตั้งพรรคที่ประกาศจะสนับสนุนนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันเป็นนายกฯ ต่ออีกท่านหนึ่ง กลับเรียกร้องให้มีการแก้ไข พ.ร.ป.พรรคการเมือง โดยมีสาระคือ ยกเลิกสาขาพรรค ยกเลิกไพรมารีโหวต เรียกร้องให้รีเซ็ตสมาชิกของพรรคการเมืองเดิม ทำให้พรรคที่มีความเข้มแข็งกลายเป็นพรรคที่อ่อนแอต้องเริ่มต้นใหม่ โดยอ้างความเท่าเทียม ไปไกลขนาดเสนอให้ นายกรัฐมนตรีในฐานะ หัวหน้า คสช. ใช้ ม.44 แก้ไข พ.ร.ป.พรรคการเมือง โดยเอาประเด็นกรอบเวลาที่เป็นข้อจำกัดของพรรคการเมืองว่า ทำไม่ทันเป็นตัวเริ่ม และลามไปยังประเด็นอื่นๆ โดยลืมสิ้นถึงหลักการปฏิรูปที่เคยพูดไว้ในอดีต” นายสมชัย กล่าว
การอ้างเหตุผล ในการแก้ไข ไม่ว่าจะเป็น เพื่อให้เกิดมาตรฐาน เท่าเทียม เป็นธรรม เกิดผลสำเร็จในการปฏิรูปการเมือง และการแก้ไขด้วยวิธีการปกติด้วยการออกกฎหมายในสภานั้นไม่ทันการณ์ ส่วนตัวเห็นว่า ถ้าจะให้เกิดมาตรฐาน เท่าเทียม เป็นธรรม ควรใช้ ม.44 เพื่อดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งให้เกิดการปฏิบัติที่เป็นมาตรฐาน เท่าเทียม เป็นธรรม ระหว่าง ป.ป.ช. ผู้ตรวจการแผ่นดิน กสม. กกต. และศาลรัฐธรรมนูญก่อนดีไหม เพราะหลายมาตรฐานเหลือเกิน
matemnews.com 20 ธันวาคม 2560