Home ข่าวทั่วไปรอบวัน พลเอกประยุทธ์อธิบายคำว่ากองหนุนของพลเอกเปรม

พลเอกประยุทธ์อธิบายคำว่ากองหนุนของพลเอกเปรม

895
0
SHARE

 

 

ในการแถลงข่าวแก่สื่อมวลชนหลังประชุมครม. ที่ทำเนียบรัฐบาล  เมื่อบ่าย 3 ม.ค.2561  พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการที่ พลเอกเปรม  ติณสูลานนท์  ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เตือนว่าตู่ใช้กองหนุนใกล้หมดแล้วว่า

 

“โดยส่วนตัวผมเข้าใจ และคณะรัฐมนตรี หลายคนที่ไปอวยพรปีใหม่ พล.อ.เปรม ในวันนั้นก็เข้าใจ คำว่ากองหนุนหมายความว่า  เราได้เอาคนทุกคนมาช่วยขับเคลื่อนประเทศไปแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งประชารัฐ  ทั้งข้าราชการ เอกชน ประชาชน ภาคประชาสังคม ภาคธุรกิจ ท่านก็บอกว่าใช้ไปหมดแล้ว แต่ทำอย่างไรมันจะมากขึ้น ผมตีความหมายแบบนี้  ผมคิดว่า พล.อ.เปรม คงไม่ได้มีเจตนาอะไรกับผมที่จะมองในเรื่องไม่ดี ท่านได้ให้กำลังใจรัฐบาลมาโดยตลอด คงไม่พูดอะไรที่ทำให้ผมเสียหาย ขึ้นอยู่กับว่าเราจะตีความอย่างไร ฉะนั้นลองคิดดูสิ่งที่ผมพูดมันใช่หรือไม่ แต่ก่อนทุกคนมาร่วมมือกันแบบนี้หรือไม่ คือยังไม่ใช้กองหนุน แต่ตอนนี้ผมเอากองหนุนมาหมดทุกอัน เอามาช่วยกิจการที่เป็นของรัฐ ความร่วมมือเกิดมากขึ้นในกลุ่มประชารัฐ คณะทำงานประชารัฐทุกคนมาช่วย และมาทำตรงนี้ เพื่อแก้ปัญหาการเอื้อประโยชน์ต่อกัน  ผมคิดว่าต้องคิดอย่างสร้างสรรค์กันหน่อย ถ้าหาประเด็นตีกันอยู่แบบนี้มันก็ไม่ได้ คำว่ากองหนุนของผม คือ ใจผมยังเต็มที่เต็มเปี่ยม กองหนุนมันต้องอยู่ที่ใจตัวเองก่อน ตราบใดที่ผมยังมีความเชื่อมั่นและศรัทธาต่อประชาชนของผม  ของพวกเราทุกคน ผมก็คิดว่าทำได้ทำสำเร็จ แต่ถ้าเราบอกว่าท้อแท้หมดกำลังใจหรือโมโหมากเกินไป มันก็ไม่ใช่เรื่อง มันบ่อนทำลายตัวผมเปล่าๆ สุขภาพของผมก็ไม่แข็งแรงอย่างที่สื่อเองก็เป็นห่วงผม กลัวผมป่วยเจ็บตาย ยิ้มให้กันดีกว่า”

 

ผู้สื่อข่าวถามว่า กองหนุนส่วนไหนที่ท่านนายกฯต้องการมากที่สุดในช่วงเวลานี้ พล.อ.ประยุทธ์ ตอบว่า

 

“อยากได้ทุกพวก คือ ประชาชน ซึ่งต้องเข้าใจ ถ้าประชาชนไม่เข้าใจก็ลำบาก การจะทำอะไรก็ตามที่เป็นการเปลี่ยนแปลงประเทศจากสิ่งที่ทำมาทั้งชีวิตและเผชิญความยากจนมาตลอดชีวิต จะแก้ภายในระยะเวลาอันสั้นคงแก้ไม่ได้ อยู่ที่การสร้างการรับรู้ การเรียนรู้ ในวันนี้เราปล่อยปละละเลยมายาวนาน จนกระทั่งไม่เข้าใจ กลายเป็นว่าทุกอย่างต้องเป็นภาระของรัฐบาลเพียงฝ่ายเดียว และมีการตอบสนองในช่วงที่ผ่านมา  บางทีไม่ใช่ นั่นคือปัญหาที่ทำให้บ้านเมืองเดินหน้าไม่ได้ สรุปความขัดแย้งก็เกิดขึ้นอีก วันนี้ทุกคนอาจจะบอกว่าไม่น่ามีเหตุผลในเรื่องความขัดแย้ง  ไม่เห็นมีอะไร แล้วทุกวันนี้มันสงบกันยังไง   ก็เป็นเรื่องของท่าน ประชาชนก็ไปตัดสินกันเอาเอง ควรเป็นอย่างไรต่อไป โดยเฉพาะที่บอกว่าทุกอย่างเป็นของประชาชน ซึ่งประชาชนที่ว่านั้นตรงไหนล่ะ ถ้าประชาชนของพรรคท่านก็ต้องไปตรวจสอบสมาชิกพรรคมีเหลือเท่าไหร่ให้ถูกต้องแค่นั้นเอง  จะไปยากตรงไหน  ภาระของพรรคไม่ใช่ภาระของประเทศ ดังนั้นทุกพรรคก็ต้องไปทำให้ถูกต้อง ผมคิดว่าสังคมก็รอดูอยู่เหมือนกัน”

 

เมื่อถามว่า ในช่วงปีใหม่  ความไม่สงบ ที่ไม่เกิดเหตุอะไรเลย ถือเป็นสัญญาณที่ดีของบ้านเมืองหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ตอบว่า

 

“สื่อทุกสื่อเขียนว่า  ปีใหม่การต่อสู้ทางการเมืองจะแรงขึ้น หากสื่อเขียนอยู่แบบนี้ก็จะเป็นอยู่แบบนี้ ตราบใดที่ให้ความสำคัญกับเรื่องที่ไม่ค่อยเป็นเรื่อง สื่อต้องฟังรัฐบาลบ้าง ชี้แจงแทนผมบ้าง ไม่ใช่เอาความขัดแย้งหรือเอาคนที่ไม่มีบทบาทออกมาพูด แล้วขยายความกันทุกวัน ขอให้แยกแยะกันให้ออกหน่อย ใครที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรมถ้าเขาดีบริสุทธิ์   ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร พูดมาผมก็ไม่ตอบโต้ แต่ถ้าไม่ถูกต้องตามกฎหมายแล้วเราไปส่งเสริมขยายให้เขาเรื่อยๆมันจะสงบไหม”

 

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า ข้อมูลของรัฐบาลเรื่องความสงบในขณะนี้เป็นอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ ตอบว่า

 

“สงบในระดับหนึ่ง คือ  ยังไม่ออกมาข้างนอก ก็กลัวกฎหมายอยู่เหมือนกัน  กฎหมายของผมไง ลองคิดดูถ้าไม่มีกฎหมายที่มีอยู่แล้วในวันนี้มันจะเกิดอะไรขึ้น ที่ผ่านมากฎหมายปกติทั้งนั้น เอาอยู่กันหรือไม่ ไม่อยู่หรอก และในวันนี้ในโซเชียลมีเดียมีมากมาย ฉะนั้นต้องแก้ไขปัญหานี้ให้ได้ ก่อนที่จะไปสู่การเลือกตั้ง เข้าใจหรือไม่ ถ้าไม่แก้เรื่องเหล่านี้ ต่อไปก็ลำบาก  ผมยังไม่รู้ใครจะมารับผิดชอบต่อ เขาจะแก้ได้หรือเปล่าผมก็ไม่ทราบ เขาจะทำให้สงบแบบนี้ได้หรือเปล่า ผมก็ไม่รู้ ใครจะเป็นรัฐบาลก็ยังไม่ทราบใช่ไหม เมื่อได้รัฐบาลเลือกตั้งมาแล้วจะบริหารได้หรือเปล่าก็ไม่รู้ ทุกอย่างมีบทเรียนทั้งสิ้น ดังนั้น ทุกคนที่เกี่ยวข้องทั้งอดีต ปัจจุบันและอนาคต  ต้องทำความเข้าใจประชาชนให้ชัดเจนว่าจะทำให้บ้านเมืองสงบสุขได้อย่างไร อย่ามาอ้างเรื่องสิทธิเสรีภาพ ความขัดแย้ง ความบริสุทธิ์   ท่านเองก็รู้ อันไหนบริสุทธิ์ ไม่บริสุทธิ์ ผมก็ดูออก” นายกฯ กล่าว

 

นักข่าวถามว่า  พูดอย่างนี้แสดงว่าท่านนายกฯไม่มั่นใจในสถานการณ์ข้างหน้า พล.อ.ประยุทธ์ ตอบว่า

 

“ไม่เกี่ยวกับผม   มั่นใจหรือไม่  ไม่ใช่เรื่องของผม เป็นเรื่องกติกาจะเลือกตั้งได้เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น ผมจะมั่นใจ  หรือไม่มั่นใจผมก็ทำอะไรไม่ได้  วันนี้เราต้องพัฒนาการศึกษาทั้งระบบ  เพราะถือเป็นกองหนุนหากผลิตและสร้างคนที่มีคุณภาพจะถือเป็นกองหนุนอีกชั้น ซึ่งกองหนุนไม่ได้มีกองเดียว มันมีขั้นที่ 1 ขั้นที่ 2 และขั้นที่ 3 วันนี้ผ่านกองหนุนขั้นที่ 1 มาแล้ว ขั้นที่ 2 คนยังลำบากอยู่ในทุกวันนี้ เราต้องแก้ให้เขาจึงจะมีเพิ่ม ผมเข้าใจว่าสิ่งที่ พล.อ.เปรม พูดหมายความว่าอย่างนี้ ตอนนี้เราเอามาทุกกลุ่ม แต่ยังมาได้ไม่มาก”

 

matemnews.com  3 มกราคม 2561