พ.ต.อ.สิงห์ สิงห์เดช ผกก.สน.คันนายาว แถลงแก่ผู้สื่อข่าวเมื่อบ่าย 3 ม.ค.2561 กรณีฉี่ม่วงของ เสก โลโซ ว่า ทาง พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผบช.น. ได้แถลงผลการตรวจปัสสาวะนายเสกสรรค์ มีสาร 2 อย่างคือเมทแอมเฟตามีน (ยาบ้า ยาไอซ์) และ MDMA (ยาอี)
ขั้นตอนต่อไป ทาง สน.คันนายาว จะออกหมายเรียกให้มาพบเจ้าหน้าที่ เพื่อแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมในข้อหาเสพยาเสพติดประเภทที่ 1 โดยผิดกฎหมาย พร้อมประสานทนายความเพื่อออกหมายเรียกให้เร็วที่สุด คาดว่า ไม่เกินสัปดาห์หน้า จะมีการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม
นอกจากนี้ การบำบัดถ้าผู้ต้องหาทั่วไปถูกจับกุมในคดีเสพยาเสพติด หากรับสารภาพตามกฎหมายสามารถยื่นเรื่องขอรับการฟื้นฟูบำบัดได้ ตามกฎหมายผู้เสพ ถือว่าเป็นผู้ป่วย เพราะต้องการให้หายขาดจากยาเสพติด แต่ในกรณีของเสกจากการสอบถามเบื้องต้นของเจ้าหน้าที่เสกให้การปฏิเสธ โดยอ้างว่ากินยานอนหลับ แต่ไม่ได้มีการนำยานอนหลับมามอบให้พนักงานสอบสวน และไม่ได้ส่งไปตรวจที่ รพ.ตำรวจ
โดยจากผลตรวจที่ออกมาทางโรงพยาบาลตำรวจ ยืนยันว่า เป็นยาเสพติดร้อยเปอร์เซ็นต์ ถึงแม้จะมียานอนหลับมาเปรียบเทียบก็ไม่มีผล ส่วนคดีที่เสพถูกจับมีอาวุธปืนในบ้านที่เกิดเหตุ ถนนสุขาภิบาล 5 โดยได้ต่อสู้ขัดขวางการจับกุมของเจ้าหน้าที่ นอกจากนี้ เมื่อปีที่แล้วเสกยังมีโทษทำร้ายร่างกายที่ศาลรอลงอาญาอยู่ ทำให้เสกไม่สามารถขอเข้ากระบวนการฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดได้ ยืนยันว่า สารเสพติดที่ตรวจพบยึดตามหลักวิทยาศาสตร์ พบว่ามีอยู่ 2 ชนิด คือ ประเภทเมทแอมเฟตามีน และ MDMA ตำรวจต้องตรวจสอบและสืบสวนต่อว่าเสกซื้อยาเสพติดมาได้อย่างไร ผ่านทางช่องทางไหน จากการตรวจสอบประวัติของเสกพบว่า มีคดีหมิ่นประมาท และมีโทษรอลงอาญาในคดีทำร้ายร่างกายอยู่
ขณะนี้ทราบว่า ศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช อนุญาตให้ประกันตัวเสก ดังนั้นในวันที่ 4 ม.ค.2561 จะประสานกับทนายความของเสก คาดว่าจะออกหมายเรียกมาแจ้งข้อกล่าวหายาเสพติดได้เร็วที่สุดได้ภายในสัปดาห์หน้า
โดยคดียาเสพติดถือเป็นคดีเดียวกับการต่อสู้ขัดขวาง เจ้าพนักงานและมีอาวุธปืน เพราะจุดเกิดเหตุอยู่ที่เดียวกัน จึงรวมอยู่ในสำนวนเดียวกัน หากเสกไม่มาพบพนักงานสอบสวนจะทำการออกหมายเรียกครั้งที่สอง และหากไม่มาพบ เจ้าหน้าที่ก็ต้องขออนุญาตศาลออกหมายจับ เพื่อนำตัวมารับทราบข้อกล่าวหา แต่คิดว่าจะมารับทราบข้อกล่าวหา เนื่องจากได้รับการประกันตัวในชั้นศาล
ส่วนการที่เสกให้การปฏิเสธในชั้นของพนักงานสอบสวน จะให้การในชั้นศาล แต่ขณะนี้เสกยังไม่ได้มีการอ้างพยานใดๆ ตามหลักกฎหมายพนักงานสอบสวนมีหน้าที่พิสูจน์ความผิดหรือบริสุทธิ์ของผู้ต้องหา ไม่ใช่จะมุ่งจับกุมผู้ต้องหาว่ากระทำผิด
เพราะฉะนั้นหากฝ่ายเสกมีพยานหลักฐานใดที่เป็นประโยชน์ในการต่อสู้คดี สามารถให้การในการสอบสวนได้ แต่ขณะนี้ยังไม่มีการอ้างมาในสำนวน หรือหากเป็นโรคต้องดูว่าขณะกระทำผิดมีสติสัมปชัญญะรู้ผิดชอบชั่วดีหรือไม่ โดยภาพในคลิปก็ปรากฏชัดเจน ต้องให้แพทย์ทางจิตเวชตรวจสอบอีกครั้ง
4 มกราคม 2561