พนักงานอัยการได้ยื่นฟ้อง เณรคำ ต่อศาลอาญา ถนนรัชภาภิเษก เมื่อตอนเช้าวันที่ 20 ก.ค.2560 ใน 2 คดี
คดีที่ 1 ฐานความผิดพรากเด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปีฯ และกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 ปีซึ่งไม่ใช่ภริยาตนฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277 วรรคแรก ที่อัตราโทษจำคุกตั้งแต่ 4-20 ปี และมาตรา 317 วรรคสามอัตราโทษจำคุกตั้งแต่ 5-20 ปี ซึ่งเป็นการสั่งฟ้องตามความเห็นเดิมที่พนักงานสอบสวนเคยสรุปสำนวนส่งให้อัยการ แต่ข้อหาทำอนาจารเด็กอายุไม่เกิน 15 ปีและพาเด็กอายุไม่เกิน 15 ปีไปเพื่อการอนาจาร ตาม ม.279,283 ทวิ นั้นอัยการสั่งยุติดำเนินคดี เนื่องจากคดีขาดอายุความแล้ว เพราะคดีมีอายุความ 15 ปีนับแต่วันกระทำผิด ซึ่งเหตุข้อกล่าวหานั้นเกิดเมื่อปี 2543-2544 คดีจึงขาดอายุความตั้งแต่ปี 2559
คดีที่ 2 อัยการสั่งฟ้องอดีตพระเณรคำ ฐานนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลปลอมหรือเท็จฯ ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2551 มาตรา 14 โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และข้อหาฉ้อโกงประชาชนตามมาตรา 343 โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และฐานฟอกเงิน ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ม.5, 60 โทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี ตามความเห็นของพนักงานสอบสวนเช่นเดียวกัน ซึ่งการยื่นฟ้องสำนวนคดีฉ้อโกงฯนี้ อัยการได้ระบุท้ายฟ้องขอให้ศาลสั่งอดีตพระเณรคำ จำเลย คืนทรัพย์สินแก่ผู้เสียหาย 29 คน รวมเป็นเงิน 28.6 ล้านบาทเศษด้วย
อัยการได้ขอให้ศาลนับโทษทั้ง 2 คดีต่อจากกัน พร้อมคัดค้านการให้ประกันตัวในศาล เนื่องจากเคยมีพฤติการณ์หลบหนี จึงเกรงว่าหากปล่อยชั่วคราวจะหลบหนีอีก โดยศาลอาญา ประทับรับคำฟ้องคดีพรากผู้เยาว์ฯ และกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ไว้เป็นคดีหมายเลขดำ อ.2340/60
คดีฉ้อโกงประชาชน, พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2551 ม.14 และฐานฟอกเงิน ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ม.5, 60 รับไว้เป็นคดีหมายเลขดำ อ.2341/2560
เณรคำให้การปฏิเสธขอต่อสู้คดีทั้ง 2 สำนวน ศาลจึงนัดตรวจพยานหลัดฐานทั้งสองคดีในวันที่ 18 ก.ย.2560 เวลา 09.00 น. และทนายความยังไม่ได้ยื่นประกันตัว กระทั่งเวลา 13.30 น.เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จึงนำตัวไปขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร
Matemnews.com 20 กรกฎาคม 2560