Home ข่าวทั่วไปรอบวัน พลเอกประยุทธ์กับงานวันเด็กปี 2561

พลเอกประยุทธ์กับงานวันเด็กปี 2561

1565
0
SHARE

 

 

นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงานฉลองวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2561 ของกระทรวงศึกษาธิการ ภายใต้แนวคิด “เด็กเอ๋ย…เด็กดี” ย้ำเด็กต้องมีความรู้ และคิดวิเคราะห์ด้วยเหตุและผล ใช้เทคโนโลยีในเชิงสร้างสรรค์ เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนประเทศให้เจริญก้าวหน้าต่อไป

วันนี้ (13 ม.ค.61) เวลา 08.30 น. ณ กระทรวงศึกษาธิการ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงานฉลองวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2561 ของกระทรวงศึกษาธิการ ภายใต้แนวคิด “เด็กเอ๋ย…เด็กดี” โดยมี นายธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พลเอก สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายอุดม คชินทร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ คณะผู้บริหารกระทรวงศึกษาธิการ คณะกรรมการจัดงานฉลองวันเด็กแห่งชาติ  เด็กและเยาวชน พ่อแม่ ผู้ปกครองและสื่อมวลชนเข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี ได้ชมการแสดงของเด็กและเยาวชน ชุด “เทคโนโลยี กับเด็กดี 2018” พร้อมกล่าวให้โอวาทแก่เด็กและเยาวชนว่า วันเด็กแห่งชาติเป็นวันที่มีความสำคัญอีกวันหนึ่ง เพื่อให้ผู้ใหญ่ทั้งหลาย ได้ตระหนักถึงความสำคัญของเด็กๆ และร่วมกันส่งเสริมการเรียนรู้ในทุกด้าน เพื่อให้เด็กและเยาวชนเป็นบุคลากรที่มีคุณภาพของประเทศต่อไป

นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวย้ำว่า เด็กและเยาวชนคือกำลังสำคัญที่จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในอนาคต จึงควรได้รับการหล่อหลอมและอบรมสั่งสอนให้มีความรู้  มีคุณธรรมจริยธรรมรู้จักหน้าที่ของตนเอง  มีความกตัญญู  รู้รักสามัคคี  และมีระเบียบวินัย รวมถึงการมอบความรักความอบอุ่นให้เด็กและเยาวชนมีความสมบูรณ์แข็งแรงทั้งสุขภาพกายและสุขภาพจิตใจเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้กับเด็กและเยาวชน อันจะนำไปสู่การมีคุณภาพชีวิตที่ดีในวันข้างหน้า สอดคล้องกับคำขวัญวันเด็กในปี 2561  ว่า “รู้คิด รู้เท่าทัน สร้างสรรค์เทคโนโลยี” เพราะปัจจุบันเทคโนโลยีถือว่ามีความสำคัญอย่างมากในการใช้ชีวิตของทุกคน เด็กและเยาวชนทุกคนจะต้องมีความรู้และมีทักษะของการคิดวิเคราะห์ด้วยหลักเหตุและผล  รวมถึงการคิดในเชิงสร้างสรรค์ทั้งในการศึกษาและการดำเนินชีวิต  โดยจะต้องเริ่มการบ่มเพาะจากสถานศึกษาเป็นสำคัญในการเตรียมการเรียนการสอนด้วยกระบวนการของการเรียนรู้จากของจริง  และลงมือปฏิบัติจริง เพื่อให้เด็กๆ สามารถเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ขณะที่เด็กและเยาวชนทุกคนก็ต้องพร้อมเรียนรู้และพัฒนาตนเองอยู่เสมอ  และฝึกฝนตนเองในสิ่งที่สนใจอย่างมุ่งมั่นตั้งใจ  โดยเฉพาะการตั้งใจศึกษาเล่าเรียน  ตั้งใจทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์  ใช้ทักษะความสามารถในทางที่ถูกต้อง รวมถึงรู้จักคิดวิเคราะห์ด้วยเหตุและผล ตลอดจนประพฤติปฏิบัติตนให้ตั้งมั่นอยู่ในความดี  มีคุณธรรม เพื่อจะได้นำความรู้ความสามารถมาเป็นแรงผลักดันที่จะดำเนินชีวิตในทางที่ถูกที่ควรและพัฒนาประเทศชาติให้เจริญก้าวหน้าต่อไป

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวว่า รัฐบาลได้วางแผนการพัฒนาประเทศด้วยกรอบยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี โดยได้แบ่งออกเป็น 6 ด้าน คือ ความมั่นคง  การสร้างความสามารถในการแข่งขัน การสร้างโอกาสความเสมอภาคและเท่าเทียมทางสังคม  การสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม  การปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ  และการพัฒนาและส่งเสริมศักยภาพคน  เพราะทรัพยากรมนุษย์คือทรัพยากรที่สำคัญ ซึ่งเป็นพื้นฐานต่อการต่อยอดในการพัฒนาประเทศในทุกด้าน จึงขอให้ทุกฝ่ายในสังคมร่วมมือกันในการพัฒนาเด็กและเยาวชนให้มีความรู้ความสามารถ รวมทั้งรู้จักคิด วิเคราะห์อย่างมีเหตุและผล เพื่อให้เด็กและเยาวชนรู้เท่าทันเทคโนโลยีและสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน เพื่อป้องกันไม่ให้กระทำความผิดหรือทำผิดกฎหมายโดยไม่รู้ตัว ตลอดจนร่วมกันคิดในการที่จะทำให้สังคมปลอดภัย โดยขอให้กระทรวงศึกษาธิการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งในส่วนพลเรือน ตำรวจ และทหาร ได้ช่วยกันทำให้สังคมปลอดภัยและอบอุ่น เป็นสังคมครอบครัวที่มีคุณภาพ อันจะนำไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน

ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวอวยพรเด็กและเยาวชนทุกคนประสบแต่ความสุข ความเจริญ มีสุขภาพพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรงทั้งร่างกายและจิตใจ มีสติปัญญาที่เฉลียวฉลาด และขอให้ทุกคนใช้ชีวิตในวัยเด็กอย่างมีคุณค่าและคุ้มค่า  พร้อมทั้งเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในวัยเด็กเก็บความทรงจำของความสุข  ความสดใส  เพื่อพร้อมเติบโตเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศของเราให้เจริญก้าวหน้าสืบไป พร้อมขอให้เด็กและเยาวชนทุกคนน้อมนำพระบรมราโชวาทของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงรับสั่งให้คนไทยทุกคนมีความภูมิใจในความเป็นชาติไทย มีอัตลักษณ์ของคนไทย และมีจิตอาสาที่จะทำให้สังคมมีความยั่งยืนและมีการพัฒนาสถาพรสืบไป

ด้าน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้กล่าวถึงการจัดงานวันเด็กแห่งชาติว่า ได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2498 และดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องทุกปี โดยกระทรวงศึกษาธิการได้รับมอบหมายให้เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับทุกส่วนราชการ หน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชนจัดงานฉลองวันเด็กแห่งชาติ ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคทั่วประเทศ สำหรับการจัดงานวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2561 นี้ กระทรวงศึกษาธิการได้มีการจัดงานในส่วนกลาง ณ บริเวณกระทรวงศึกษาธิการ  รวมทั้ง บริเวณโดยรอบกระทรวงศึกษาธิการ ได้แก่ ถนนราชดำเนินนอก (ถนนคู่ขนาน) เกาะกลางถนน บริเวณด้านหน้ากระทรวงศึกษาธิการ ถนนลูกหลวง และหอประชุมคุรุสภา โดยเน้นให้เด็ก ๆ มีโอกาสเรียนรู้คุณค่าของการเป็นเด็กและเยาวชนที่ดีของชาติ และสร้างความต้องการที่มีส่วนร่วมด้วยกิจกรรมที่ท้าทายความสามารถภายใต้บรรยากาศที่สดใส รื่นเริง เร้าใจ เต็มอิ่มด้วยความสุข สนุกสนาน ตลอดจนมุ่งให้เด็กและเยาวชนได้รับสาระและความสนุกสนานจากความรู้ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับหน้าที่ของเด็กไทย โดยแบ่งกิจกรรมออกเป็น 4 โซน ประกอบด้วย โซน 1) เด็กไทย … หัวใจคุณธรรม เป็นโซนกิจกรรที่สอดแทรกในเรื่องของความกตัญญูกตเวทีต่อพ่อแม่ ครู อาจารย์ และผู้มีพระคุณ โซน 2) เด็กไทย… หัวใจสามัคคี เป็นโซนกิจกรรมที่มุ่งเน้นปลูกฝังความสามัคคี ปรองดอง กลมเกลียวเป็นหนึ่งเดียว เช่น กิจกรรมฐานลูกเสือ โซน 3) เด็กไทย…รู้คิดวิทยาศาสตร์เป็นกิจกรรมที่สอดแทรกให้ความรู้ ฝึกฝนในกระบวนการคิด วิเคราะห์ แยกแยะเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ อาทิ ท้องฟ้าจำลองเคลื่อนที่ โซน 4) เด็กไทย… รู้เท่าทันเทคโนโลยี เป็นกิจกรรมที่สอดแทรกให้ความรู้เท่าทันเทคโนโลยีในยุคปัจจุบัน รู้จักใช้เทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์ในทางที่ถูกต้อง

จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้เยี่ยมชมนิทรรศการของกระทรวงศึกษา และเปิดตัวเว็บไซต์ “ติวฟรี.คอม” (www.tuirfree.com) เพื่อให้เด็กไทยทุกคนได้มีโอกาสเรียนรู้กับติวเตอร์ชื่อดังของประเทศ และเป็นการเรียนรู้ออนไลน์ซึ่งมีแอพพลิเคชั่นที่เหมาะสมต่อการเรียนรู้มากมาย เช่น Echo English ทั้งฉบับนักเรียนและประชาชน Echo STEM เป็นต้น พร้อมพบปะทักทายเด็กและเยาวชนที่มาร่วมงานอย่างเป็นกันเอง และมอบของขวัญให้แก่เด็กและเยาวชนด้วย ซึ่งบรรยากาศเป็นอย่างอบอุ่นและสนุกสนาน ก่อนเดินทางไปยังบริเวณจัดงานเยาวชนสัมพันธ์ ของกองบัญชาการตำรวจนครบาล ณ บริเวณคุรุสภา
——————-

กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก

 

…………………………

นายกรัฐมนตรี ให้โอวาทเยาวชนสัมพันธ์ ย้ำเด็กและเยาวชนทุกคนต้องพัฒนาตนเองให้พร้อม สอดคล้องกับอนาคต เพื่อเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศต่อไป

นายกรัฐมนตรี ให้โอวาทแก่เยาวชนสัมพันธ์ เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้กับเด็กและเยาวชนที่เข้าร่วมโครงการเยาวชนสัมพันธ์ เนื่องในโอกาสการจัดงานฉลองวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2561

วันนี้ (13 ม.ค.61) เวลา 09.30 น. ณ บริเวณคุรุสภา พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมาให้โอวาทแก่เยาวชนสัมพันธ์ เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้กับเด็กและเยาวชนที่เข้าร่วมโครงการเยาวชนสัมพันธ์ เนื่องในโอกาสการจัดงานฉลองวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2561  โดยมี พลตำรวจโท ชาญเทพ เสสะเวช ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล คณะกรรมการอำนวยการเยาวชนสัมพันธ์ เยาวชนสัมพันธ์ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมงาน

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวให้โอวาทแก่เยาวชนสัมพันธ์ว่า จากที่ได้มีโอกาสได้พบกับเยาวชนสัมพันธ์ อย่างต่อเนื่องตลอด 3 ปี ที่ผ่านมา และปีนี้เป็นปีที่ 4  ได้เห็นถึงความก้าวหน้าของการดำเนินโครงการเยาวชนสัมพันธ์ ภายใต้การดำเนินการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ  และกองบัญชาการตำรวจนครบาล ซึ่งเกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติโดยลำดับ อย่างไรก็ตามต้องมีการเร่งดำเนินการทุกอย่างให้รวดเร็วและพัฒนาให้กว้างไกลมากยิ่งขึ้น สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบันและคำขวัญวันเด็กในปี 2561 ว่า “รู้คิด รู้เท่าทัน สร้างสรรค์เทคโนโลยี” เพราะโลกในปัจจุบันเป็นโลกแห่งการเปลี่ยนแปลงและข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ มีการเคลื่อนไหวรวดเร็ว เด็กและเยาวชนต้องมีภูมิคุ้มกันที่ดี คือ รู้จักคิด รู้เท่าทันผู้ที่ใช้ประโยชน์ในทางที่ผิด และสามารถใช้ประโยชน์ในทางที่ถูกและสร้างสรรค์ โดยเฉพาะเรื่องการใช้เทคโนโลยี เด็กและเยาวชนทุกคนต้องมีการพัฒนาเตรียมตนเองให้พร้อมเพื่อให้สอดคล้องกับอนาคต ทั้งการศึกษา และการทำงาน เพื่อให้มีรายได้ที่เพียงพอที่จะสามารถเลี้ยงตนเองและครอบครัว และเข้าถึงการใช้เทคโนโลยีได้ ซึ่งปัจจุบันรัฐบาลพยายามดำเนินการเรื่องดังกล่าวอย่างเต็มที่ เช่น ได้มีการเปิดเว็บไซต์ ติวฟรี.คอม เพื่อเปิดโอกาสให้เด็กเยาวชนทุกคนได้เรียนรู้ในเรื่องต่าง ๆ เช่น ภาษาอังกฤษ และการติวฟรีในวิชาต่าง ๆ  กับครูที่มีชื่อเสียงและเป็นที่นิยมโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด

พร้อมกล่าวเน้นย้ำกับเด็กและเยาวชนว่า นอกจากเรียนรู้ในห้องเรียนแล้ว ต้องรู้จักใช้เทคโนโลยีอย่างสร้างสรรค์และเป็นประโยชน์ต่อตนเองและผู้อื่น เพื่อเตรียมไปสู่การเป็นคนไทยรุ่นใหม่ในอนาคตสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ของรัฐบาล โดยเฉพาะการกำหนดที่จะทำให้เด็กและเยาวชนในช่วง 20 ปี เป็นเด็กและเยาวชนที่มีความรู้และเข้มแข็งเพื่อเป็นอนาคตและกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศต่อไป

พร้อมทั้ง นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวให้กำลังใจแก่เยาวชนสัมพันธ์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ  กองบัญชาการตำรวจนครบาล  และคณะกรรมการอำนวยการเยาวชนสัมพันธ์ ให้ดำเนินโครงการเยาวชนสัมพันธ์อย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นการช่วยส่งเสริมและปลูกฝังให้เด็กและเยาวชนเป็นคนมีระเบียบวินัย  มีความรักสามัคคี  มีความซื่อสัตย์  รู้จักการบำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคม  พร้อมทั้งฝึกความอดทนต่อปัญหาอุปสรรคในการดำเนินชีวิตประจำวัน  เพื่อให้เด็กและเยาวชนพร้อมเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ  สร้างประโยชน์ให้กับตนเองและสังคม ขณะเดียวกันขอให้มีการประเมินวัดผลการดำเนินโครงการดังกล่าวด้วย เพื่อจะได้ทราบว่าผู้ที่จบจากโครงการไปแล้วได้ทำประโยชน์ต่อครอบครัวและสังคมในเรื่องใดบ้าง รวมถึงการขยายผลที่จะพิจารณาดำเนินการมอบรางวัล   ต่าง ๆ ให้กับเยาวชนสัมพันธ์ที่ทำประโยชน์ เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้กับเด็กและเยาวชนที่เข้าร่วมโครงการ เพื่อขยายเครือข่ายต่อไป

พร้อมกันนี้ ตัวแทนเยาวชนสัมพันธ์ได้มอบช่อดอกไม้แด่นายกรัฐมนตรี และกล่าวขอบคุณนายกรัฐมนตรี  ที่เดินทางมาให้โอวาทแก่เยาวชนสัมพันธ์ เนื่องในโอกาสการจัดงานฉลองวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2561   โดยโครงการเยาวชนสัมพันธ์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ  กองบัญชาการตำรวจนครบาล  และคณะกรรมการอำนวยการเยาวชนสัมพันธ์ได้ดำเนินการฝึกอบรมเด็กและเยาวชน ให้มีความรัก ความสามัคคี เทิดทูนสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และรู้จักกฎ ระเบียบ วินัย รวมทั้งรู้จักเอาตัวรอดเมื่อเกิดภัยต่าง ๆ และยังสามารถนำไปบอกต่อกับบุคคลทั่วไปและผู้ปกครองได้ อันเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิตได้อย่างมีความสุข ทั้งนี้ เยาวชนสัมพันธ์ทุกคนขอให้คำมั่นว่า จะตั้งใจศึกษาเล่าเรียนให้ประสบผลสำเร็จ ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ไม่เกี่ยวข้องกับอบายมุขและสิ่งเสพติด เชื่อฟังคำสั่งสอนของบิดามารดา ครู อาจารย์ และจะเป็นเด็กดีตามที่นายกรัฐมนตรีได้ให้คำขวัญวันเด็กไว้ว่า “รู้คิด รู้เท่าทัน สร้างสรรค์เทคโนโลยี” พร้อมทั้ง เยาวชนสัมพันธ์ทุกคนขอเป็นกำลังใจให้นายกรัฐมนตรี ในการทำงานบริหารประเทศต่อไป

จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานเปิดงานโดยการตัดริบบิ้นปล่อยแพรป้าย “เยาวชนสัมพันธ์” ระหว่างนั้นดนตรีบรรเลงเพลงมาร์ชเยาวชนสัมพันธ์ ก่อนเดินทางไปร่วมงานฉลองวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2561 ณ ทำเนียบรัฐบาลต่อไป

——————-

กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก

 

……………………………….

คลิกชมรูป

https://goo.gl/WjJ3LU

https://goo.gl/2MDi7n

 

 

นายกรัฐมนตรีเปิดงานฉลองวันเด็กแห่งชาติประจำปี 2561 ณ ทำเนียบรัฐบาล เน้นย้ำให้เด็กและเยาวชนก้าวทันเทคโนโลยี มีคุณธรรม กตัญญูต่อพ่อแม่และประเทศชาติ

นายกรัฐมนตรีเปิดงานฉลองวันเด็กแห่งชาติประจำปี 2561 ณ ทำเนียบรัฐบาล เน้นย้ำให้เด็กและเยาวชนก้าวทันเทคโนโลยี มีคุณธรรม กตัญญูต่อพ่อแม่และประเทศชาติ

วันนี้ (13 มกราคม 2561) เวลา 09.50 น. ณ บริเวณสนามหญ้า ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเปิดงานฉลองวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2561 พร้อมชมการแสดงของเด็กและเยาวชนจากโรงเรียนวัดนวลนรดิศ ในการแสดงชุด “ND Step forward ก้าวไปด้วยกัน…สร้างสรรค์เทคโนโลยี”

จากนั้น เวลา 10.10 น. ณ ห้องทำงานนายกรัฐมนตรี ชั้น 2 ตึกไทยคู่ฟ้า นายกรัฐมนตรีได้พบปะกับเด็กและเยาวชนที่นำชื่อเสียงมาสู่ประเทศ เด็กจากจังหวัดชายแดนภาคใต้ เด็กดีหรือเด็กกตัญญู และเด็กด้อยโอกาสหรือเด็กพิการ จำนวนทั้งสิ้น 22 คน โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้เปิดโอกาสให้เด็กและเยาวชนนั่งเก้าอี้ทำงานนายกรัฐมนตรี พร้อมถ่ายภาพเป็นที่ระลึกร่วมกับนายกรัฐมนตรี สำหรับบรรยากาศการนั่งเก้าอี้ทำงานของนายกรัฐมนตรีเป็นไปอย่างอบอุ่น โดยนายกรัฐมนตรีได้พูดคุยสอบถามเด็กและเยาวชนอย่างเป็นกันเองพร้อมกับให้คำแนะนำในการทำงานว่า ต้องมีความละเอียดรอบคอบเพราะตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นตำแหน่งที่สำคัญ เวลาจะลงนามหนังสืออะไรต้องอ่านให้ครบถ้วน ก่อนจะลงนามหนังสือต้องตรวจตราให้ดี เพราะถ้าผิดพลาดจะมีผลกระทบต่อประเทศชาติ

พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวให้กำลังใจเด็กพิการว่า ขอให้เด็กและเยาวชนอย่าท้อแท้ มีกำลังใจในการดำรงชีวิต และให้ยืนหยัดอยู่ในสังคมด้วยความภาคภูมิใจ สำหรับเด็กเก่ง และเด็กทั่วไป นายกรัฐมนตรีได้กล่าวชื่นชมขอให้เป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเพื่อน และขอให้เป็นคนดีของพ่อแม่ เป็นคนดีของสังคม พร้อมขอให้ตั้งใจเรียน หมั่นฝึกฝนพัฒนาตนเองอยู่เสมอให้ก้าวทันเทคโนโลยี ให้เก่ง ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป อย่าหยุดยั้งที่จะเรียนรู้ พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำให้เด็ก ๆ มีคุณธรรม กตัญญูต่อพ่อแม่ และที่สำคัญต้องกตัญญูต่อประเทศด้วย

สำหรับในปีนี้ มีเด็กและเยาวชนจากทั่วประเทศเขียนคำอวยพรปีใหม่ให้กับนายกรัฐมนตรี โดยได้นำมาจัดนิทรรศการไว้บริเวณตึกไทยคู่ฟ้า โดยนายกรัฐมนตรีได้เขียนตอบขอบคุณความว่า “เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ 2561 และวันเด็กปี 2561 ขอขอบคุณเด็ก ๆ และเยาวชนทุกคนที่ได้อวยพรปีใหม่กับนายก และได้มาร่วมงานวันเด็กพร้อมผู้ปกครองในวันนี้ มีรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ ด้วยบรรยากาศ มิตรไมตรีต่อกัน และให้เห็นถึงความสุขที่ทุกคนได้รับทั้งในระยะเวลาที่ผ่านมาปีก่อน และปีใหม่นี้ และตลอดไป นายกฯ และรัฐบาลให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ซึ่งรวมถึงเด็ก เยาวชน ผู้ใหญ่ ซึ่งต้องมีการเรียนรู้ตลอดชีวิต ขอให้ทุกคนประสบความสำเร็จ แข็งแรง เป็นคนดีและคนเก่งของประเทศไทย เพื่อพัฒนาบ้านเมืองของเราให้เจริญก้าวหน้าต่อไปอย่างยั่งยืน ด้วยรักและห่วงใยเสมอ”

————————————————-

 

นายกรัฐมนตรีมอบโอวาทขอให้เด็กและเยาวชน คิดพัฒนาการเรียนรู้ให้กับตัวเอง ภาคภูมิใจในความเป็นไทย ยึดมั่นสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

นายกรัฐมนตรีกล่าวให้โอวาทกับเด็กและเยาวชนที่มาร่วมงานฉลองวันเด็กแห่งชาติ ณ ทำเนียบรัฐบาล ประจำปี 2561 ขอให้เด็ก-เยาวชน คิดพัฒนาการเรียนรู้ให้กับตัวเอง ภาคภูมิใจในความเป็นไทย ยึดมั่นสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ดำรงความเป็นไทยให้คงอยู่ตลอดไป

วันนี้ (13 ม.ค.61) เวลา 10.45 น. ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวให้โอวาทกับเด็กและเยาวชน ที่มาร่วมงานฉลองวันเด็กแห่งชาติ ณ ทำเนียบรัฐบาล ประจำปี 2561 โดยเมื่อนายกรัฐมนตรีเดินทางถึงตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ได้รับชมวิดีทัศน์นำเสนอผลงานเด็กไทยได้รับรางวัล สัมภาษณ์เด็กชายจิรัฏฐ์ สุมิตรเหมาะ (น้องคอปเตอร์) โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย ทีมหุ่นยนต์วิ่งเร็วสองขาปั่นพลังงานด้วยมือ จากโรงเรียนวังรีบุญเลิศ จังหวัดนครศรีธรรมราช และทีมโครงการห้องน้ำอัจฉริยะ จากโรงเรียนไทยนิยมสงเคราะห์ กรุงเทพมหานคร

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวให้โอวาทกับเด็กและเยาวชน สรุปสาระสำคัญว่า ปีนี้เป็นปีแห่งความสงบสุข โดยช่วงเวลา 2-3 ปีที่ผ่านมาบ้านเมืองอยู่ในความสงบสุขมากขึ้น มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน มีการพัฒนาหลาย ๆ อย่างดีขึ้น ทั้งนี้ รัฐบาลได้ดำเนินการยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ที่มีเรื่องหนึ่งที่สำคัญคือการพัฒนาคนตามช่วงอายุ ที่เริ่มตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดาจนถึงจบการศึกษา เพราะการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เป็นสิ่งสำคัญที่สุดของประเทศในเวลานี้  เพื่อการเตรียมพร้อมรองรับกับโลกยุคปัจจบัน ยุคโลกาภิวัตน์ที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ทั้งในประเทศ ประชาคมอาเซียน และในโลก ซึ่งสิ่งที่เรากำลังร่วมมือกันวันนี้คือการทำให้เด็กไทยเป็นเด็กที่เหมาะสมกับยุค 4.0 แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคน 3.0 2.0 1.0 จะหมดไปจากประเทศไทย ทั้งนี้ คำว่า 1.0 2.0 3.0 ไม่ใช่การแบ่งชนชั้นประชาชน แต่ 1.0 2.0 3.0 4.0 เป็นตัวเลขในเชิงของอุตสาหกรรมโลกยุคใหม่ ที่ 1.0 ใช้แรงงานอย่างเดียว 2.0 ใช้เครื่องจักรขนาดเล็ก 3.0 ใช้เครื่องจักรขนาดเล็กขนาดใหญ่ และ 4.0 ใช้หุ่นยนต์  ซึ่งตัวของเราจะอยู่ในส่วนไหนก็ไม่เป็นไร  เพียงแต่จะต้องใช้สติปัญญาในการขับเคลื่อนชีวิต

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า คนไทยประกอบอาชีพที่หลากหลาย ตั้งแต่เกษตรกรรม อุตสาหกรรม การท่องเที่ยวและบริการ ตลอดจนอาชีพอิสระ ซึ่งเป็นสาขาอาชีพที่เด็กทุกคนจะต้องไปเรียนต่อในวันข้างหน้า ตามสมรรถภาพของร่างกาย กำลังสมองและปัญญาของแต่ละคน โดยผู้ปกครองก็ต้องให้การส่งเสริมลูกในทางที่เหมาะสมกับลูกของตัวเอง ให้หาศักยภาพของเด็กให้เจอ ว่ามีพรสวรรค์ตรงไหน ให้เด็กได้ทำอย่างที่ต้องการและมีความสุข  เพื่อให้เด็กเกิดแรงคิด แรงในการสร้างสรรค์สิ่งต่าง ๆ ออกมาเพื่อเป็นกำลังในการช่วยกันพัฒนาประเทศในอนาคต

นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อไปว่า อยากให้น้อง ๆ ทุกคน หลาน ๆ ทุกคนได้คิดทำให้เกิดประโยชน์สูงสุด ให้คิดใช้เวลาที่มีค่าวันละ 24 ชั่วโมงในการคิดพัฒนาตัวเอง พัฒนาการเรียนรู้ให้กับตัวเอง โดยนายกรัฐมนตรีอยากให้เด็กทุกคนได้เห็นโลกทัศน์ที่กว้างไกลกว่าที่บ้าน และครอบครัว เพราะเมื่อทุกคนโตขึ้นก็ต้องไปเจอสังคมข้างนอกในวันข้างหน้า  เด็กและเยาวชนคือผู้ที่เป็นอนาคตของประเทศ  ทุกคนจึงต้องช่วยเหลือกันในการทำพาประเทศชาติของเราไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง อย่างยั่งยืน

พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวฝากขอให้ทุกคนเป็นผู้ที่รอบรู้ รู้กว้าง คิดอย่างมีเหตุผล รู้จักคิดวิเคราะห์ว่าอะไรดีหรือไม่ดี ถูกหรือไม่ถูก รู้จักความดีความชั่ว มีการใช้สติในทางบวก รู้จักค่านิยมความเป็นไทย เพื่อจะอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขในศตวรรษที่ 21 ในอนาคตอันใกล้นี้ พร้อมกับขอให้ทุกคนภาคภูมิใจในความเป็นไทย ยึดมั่นในสถาบันชาติ  ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ดำรงความเป็นไทยให้คงอยู่ตลอดไป รวมทั้งขอให้เด็กทุกคนมีความสุขในวันเด็ก เป็นเด็กที่ดี และเป็นอนาคตที่ดีของชาติต่อไป

จากนั้น นายกรัฐมนตรีถ่ายภาพร่วมกับเด็กและเยาวชน แล้วออกจากตึกสันไมตรี (หลังนอก) ไปยังตึกสันติไมตรี (หลังใน) ผ่านโถงกลางเพื่อชมกิจกรรมของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ชมกิจกรรมขององค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ ที่ห้องสีฟ้า แล้วชมกิจกรรมของกระทรวงวัฒนธรรม และสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ที่โถงกลาง ต่อจากนั้น นายกรัฐมนตรีออกจากตึกสันติไมตรี (หลังใน) ผ่านทางหน้าห้องสีเหลืองไปยังสนามหญ้าหน้าตึกสันติไมตรี เพื่อชมกิจกรรมของกระทรวงวิทยาศาสตร์ กระทรวงกลาโหม สำนักงานคณะกรรมการอุดมศึกษา และสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะเดินทางกลับ

————————-

 

กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษ

http://www.thaigov.go.th

 

matemnews.com  13 มกราคม 2561