พล.ท.โกศล ประทุมชาติ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ แถลงแก่ผู้สื่อข่าวเมื่อบ่าย 15 ม.ค.2561 ผลการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง นายวิโรฒ สำรวล ผู้อำนวยการโรงเรียนสามเสนวิทยาลัย จากกรณีผู้ปกครองเผยแพร่คลิปผู้บริหารโรงเรียนสามเสนวิทยาลัย เรียกรับเงิน 4 แสนบาท เพื่อรับเด็กเข้าเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 เมื่อปีการศึกษา 2560 ที่ผ่านมาว่า
เมื่อเร็วๆ นี้ คณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรงได้สรุปผลสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง นายวิโรฒ ผู้อำนวยการ รร.สามเสน และผู้เกี่ยวข้องอีก 1 ราย ในเบื้อนต้นแล้ว โดยในส่วนของนายวิโรฒ ถือว่ามีความผิดวินัยอย่างร้ายแรงแน่นอน เพราะมีการรับเงินแล้วไม่นำเข้าคลัง ส่วนอีก 2 รายนั้น ยังไม่สามรถเปิดเผยได้ ส่วนจะเกี่ยวข้องกับการทุจริตหรือไม่นั้น ต้องให้ทางคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงสรุปผลอีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้ คณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง ได้เชิญทั้ง 3 ราย มารับทราบข้อกล่าวหา และภายใน 15 วัน หากมีข้อโต้แย้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง จะไปทำสำนวนใหม่ แต่ถ้าไม่มีข้อโต้แย้ง ภายใน 15 วัน ก็จะสรุปผลทันที ก่อนเสนอให้คณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.) กรุงเทพฯ พิจารณา ซึ่งเท่าที่ทราบหากมีความผิดวินัยร้ายแรง มีโทษถึงไล่ออกหรือปลดออก ในส่วนนี้จะต้องรอข้อสรุปจากคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงอีกครั้งหนึ่ง คาดว่า กรณีของ รร.สามเสนฯ น่าจะเรียบร้อยไม่เกินเดือน ก.พ.นี้ จากข้อมูลพบว่า กรณีของ รร.สามเสนฯ มีความผิดวินัยอย่างร้ายแรงชัดเจน มีการรับเงินประมาณ 7 – 8 ล้านบาท ไม่ใช่แค่กรณีที่เปิดเผยในคลิปรายเดียว มีรายอื่นด้วยจำนวนมาก และเงินก็ไม่ได้เก็บเข้าคลัง ใบเสร็จก็ไม่ได้ออกมา ออกทีหลัง ซึ่งผิดระเบียบชัดเจน ส่วนใบเสร็จซึ่งออกมาทีหลังจะระบุว่า เป็นรายรับในส่วนใดนั้น เป็นรายละเอียดผมไม่สามารถบอกได้ ตรงนี้อยู่ที่กรรมการสอบสวนวินัยร้านแรง สาเหตุที่การสอบสวนวินัยฯ มีความล่าช้านั้น เพราะนิติกรที่เข้าตรวจสอบทีมแรก เป็นนิติกรที่มาจากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) กรุงเทพฯ เขต 1 ซึ่งมีปัญหาค่อนข้างมาก ดังนั้นทางทีมนิติกรของ สพม.กทม.1 จึงขอถอนตัว และทางคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง จึงนำทีมนิติกรของตัวเองเข้ามา ซึ่งประธานคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงคนนี้ ผมค่อนข้างไว้ใจ” พล.ท.โกศล กล่าว
ส่วนความคืบหน้ากรณีที่ครูเกษียณอายุราชการ ซึ่งเป็นอดีตเลขานุการส่วนตัวของผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลลำปาง จ.ลำปาง ร้องเรียนศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดลำปาง และสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) ลำปาง เขต 1 ว่า ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก ที่ต้องรับหน้าเป็นหนี้แทนผู้อำนวยการโรงเรียน ที่ให้ไปกู้ยืมเงินมากว่า 10 ล้านบาท อีกทั้งที่ผ่านมา ผู้อำนวยการโรงเรียนคนดังกล่าว ได้นำเงินไปใช้ส่วนตัว และระบุว่า มีการกู้ยืมเงินจากครูในโรงเรียนมาให้ผู้อำนวยการโรงเรียนด้วย แต่เนื่องจากไม่มีความคืบหน้าและผู้อำนวยการโรงเรียนใกล้เกษียณอายุราชการ จึงได้มาร้องเรียนนั้น คณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง ได้สรุปผลสอบแล้ว พบว่ามีความผิดจริง โดยคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงเสนอไล่ออกจากราชการ ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนเสนอให้คณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.) ลำปาง เห็นชอบ
matemnews.com 15 มกราคม 2561