Home ข่าวทั่วไปรอบวัน นายกรัฐมนตรีเยี่ยมชมการจัดการน้ำชุมชน ตามแนวพระราชดำริ และป่าชายเลน ชุมชนบ้านเปร็ดใน จังหวัดตราด

นายกรัฐมนตรีเยี่ยมชมการจัดการน้ำชุมชน ตามแนวพระราชดำริ และป่าชายเลน ชุมชนบ้านเปร็ดใน จังหวัดตราด

822
0
SHARE

 

https://goo.gl/DySkrr

 

http://www.thaigov.go.th

 

นายกรัฐมนตรีเยี่ยมชมการจัดการน้ำชุมชนฯ และป่าชายเลน ชุมชนบ้านเปร็ดใน จ.ตราด ความสำเร็จในการน้อมนำแนวพระราชดำริมาปฏิบัติควบคู่กับการใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีบริหารจัดการทรัพยากรดิน น้ำ ป่า จนเกิดความมั่นคงน้ำ และสามารถแก้ปัญหาหนี้นอกระบบด้วยกองทุนหมู

 

วันนี้ (5 ก.พ.61) เวลา 09.00 น. พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคณะประกอบด้วย นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี  พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้เดินทางมายังศูนย์การเรียนรู้พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติการจัดการน้ำชุมชนตามแนวพระราชดำริ ชุมชนบ้านเปร็ดใน ตำบลห้วงน้ำขาว อำเภอเมือง จังหวัดตราด เพื่อเยี่ยมชมการบริหารจัดการป่าชายเลนบ้านเปร็ดใน แนวกันชนน้ำจืดดุลน้ำเค็ม การบริหารจัดการ 4 น้ำ “ดักน้ำจืด ดุลน้ำกร่อย แก้น้ำเสีย ดันน้ำเค็ม”  เกษตรตามแนวทฤษฎีใหม่ (ระบบสำรองน้ำด้วยนากุ้งร้างและร่องสวน) และชุมชนต้นแบบการบริหารจัดการระบบสัจจะออมทรัพย์ พร้อมกันนี้นายกรัฐมนตรี ได้ทักทายกับข้าราชการและประชาขนในพื้นที่ที่มาให้การต้อนร้บอย่างอบอุ่น

 

สำหรับศูนย์การเรียนรู้พิพิธภัณฑ์บริหารจัดการน้ำและป่าชายเลนชุมชนบ้านเปร็ดในเป็นชุมชนตัวอย่างในเรื่องการบริหารจัดการป่าชายเลนบนพื้นที่กว่า 1 หมี่นไร่ ให้เป็นป่าชายเลนที่มีความสมบูรณ์มากที่สุดในภาคตะวันออก ทั้งยังโดดเด่นในด้านการอนุรักษ์พันธุ์สัตว์น้ำด้วยตนเอง รวมถึงแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ และยังเป็นชุมชนแม่ข่ายการจัดการทรัพยากรน้ำชุมชน ด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ภายใต้แนวคิด การบริหารจัดการ 4 น้ำ “ดักน้ำจืด ดุลน้ำกร่อย แก้น้ำเสีย ดันน้ำเค็ม” จนช่วยให้มีน้ำจืดสำรองในระบบได้กว่า 1.77 ล้านลูกบาศก์เมตร เกิดความมั่นคงด้านน้ำเพื่อการอุปโภค บริโภค และการเกษตร จากการพึ่งตนเองของคนในชุมชน จนได้รับเลือกจากมูลนิธิอุทกพัฒน์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ยกให้เป็นแหล่งถ่ายทอดความรู้จากความสำเร็จของชุมชนที่ได้น้อมนำแนวพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในเรื่องการบริหารจัดการทรัพยากรดิน น้ำ ป่า มาปฏิบัติควบคู่กับภูมิปัญญาท้องถิ่น พัฒนาการจัดการน้ำชุมชนและแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำ เป็นตัวอย่างความสำเร็จของการจัดการป่าชายเลน ควบคู่กับการบริหารจัดการน้ำจืดแห่งเดียวของประเทศไทยให้เป็นพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติจัดการน้ำชุมชน ตามแนวพระราชดำริ นอกจากนี้ ยังเป็นชุมชนต้นแบบการบริหารจัดการระบบสัจจะออมทรัพย์ ปลูกจิตสำนึกการใช้จ่ายและเก็บออม จนสามารถปลดหนี้ และ แก้ปัญหาหนี้นอกระบบได้สำเร็จทั้งชุมชน

 

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวขอบคุณประชาชนชาวบ้านเปร็ดในและมูลนิธิอุทกพัฒน์ในพระบรมราชูปถัมภ์ ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่ได้ร่วมกันดูแลรักษาอนุรักษ์และพัฒนาพื้นที่ป่าชายเลน จนเป็นป่าชายเลนที่อุดมสมบูรณ์เป็นอันดับ 2 ของประเทศ รวมทั้งได้น้อมนำแนวพระราชดำริและปรัชญาเศษฐกิจพอเพียงมาปฏิบัติ ทำให้ประชาชนในพื้นที่มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น รู้จักบริหารจัดการการใช้จ่ายในครอบครัวและการบริหารทรัพยากรที่มีอยู่เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพเกิดประโยชน์ต่อตนเองและชุมชนอย่างแท้จริง ขณะเดียวกันได้กล่าวชื่นชมการดำเนินงานของกลุ่มสัจจะสะสมทรัพย์บ้านเปร็ดในที่ดำเนินงานประสบผลเป็นรูปธรรมสามารถปลดหนี้ของชุมชนและสร้างเงินออมในชุมชนได้เป็นผลสำเร็จ และขยายไปสู่พื้นที่อื่นในจังหวัดอีกด้วย ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ได้ขอให้ชุมชนอื่น ๆ ทั่วประเทศ ได้นำแนวทางดังกล่าวไปเป็นแบบอย่างในดำเนินการและน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชไปปฏิบัติ ขณะที่การสร้างฝายชะลอน้ำต่าง ๆ ในพื้นที่นั้น นายกรัฐมนตรี แนะนำควรวัสดุธรรมชาติ เช่น ไม้ไผ่มาใช้ในการก่อสร้างฝายแทนการนำที่กั้นปูนซีเมนต์มาดำเนินการโดยรัฐบาลยินดีพร้อมให้สนับสนุนการดำเนินงานของประชาชนบ้านเปร็ดในอย่างเต็มที่

 

พร้อมขอให้เด็กและเยาวชนในพื้นที่ศึกษาในสาขาให้สอดคล้องและตรงกับความต้องการของตลาดและการพัฒนาประเทศ เพื่อที่จบออกมาแล้วจะได้มีงานทำสามารถเลี้ยงตนเองและครอบครัวได้ และขอให้เลือกเรียนในสาขาวิชาที่จบมาแล้วมีงานทำ ไม่ใช่เรียนแต่สิ่งที่ง่ายเพียงอย่างเดียว และขออย่าทะเลาะกันเพราะทุกคนเป็นคนไทย พร้อมกล่าวยืนยันว่า จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดให้เกิดความเรียบร้อย เผื่ออนาคตลูกหลานจะมาเป็นนายกรัฐมนตรี และหลังจากนี้ขอให้ช่วยตนเองทำประเทศให้ดี  รวมทั้ง ขอให้ประชาชนและผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนร่วมกันดึงและพัฒนาศักยภาพรวมถึงทรัพยากรต่าง ๆ ที่มีอยู่ในพื้นที่ทั้งด้านศิลปวัฒนธรรม ผลผลิตทางด้านการเกษตร วิถีชุมชน สร้างเรื่องราวเชื่อมโยงอย่างเป็นระบบให้เกิดความน่าสนใจเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวมาท่องเที่ยวในพื้นที่ อันจะส่งผลให้ประชาชนในพื้นที่มีอาชีพและรายได้เพิ่มขึ้นอีกทางหนึ่งสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลในเรื่องการส่งเสริมการท่องเที่ยววิถีไทย

 

นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อไปว่า ขณะนี้บ้านเมืองเกิดความสงบสุขแล้ว ถือเป็นสิ่งสำคัญของประเทศที่จะสามารถทำให้เดินหน้าต่อไปได้ จึงขออย่าไปฟังเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องของตนเอง และอย่าแบกรับทุกเรื่องเข้ามาคิด ส่วนเรื่องของประชาธิปไตยก็ต้องมี และส่วนตัวไม่เคยคิดว่าจะไม่มี แต่ควรมีเมื่อพร้อม พร้อมกล่าวยืนยันว่า ส่วนตัวไม่ได้มาเข้ายุยงเพื่อให้ชื่นชอบตนเองหรือเกลียดใคร พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวเชิญชวนให้ประชาชนในพื้นที่ไปลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 2 และขอให้ศึกษาโครงการฝึกอาชีพและเรียนรู้ถึงความสำคัญด้วย โดยไม่ใช่แค่ไปรับเงินอย่างเดียว เพราะจะกลายเป็นประเด็นว่ารัฐบาลแจกเงินชาวบ้าน

 

จากนั้น นายกรัฐมนตรี และคณะ ได้เยี่ยมชมการดำเนินงานการบริหารจัดการน้ำชุมชน การอนุรักษ์และพัฒนาป่าชายเลน จำนวน 4 จุด คือ จุดที่ 1  นายกรัฐมนตรี ได้ลงเรือเยี่ยมชมพื้นที่ป่าชายเลนบ้านเปร็ดใน (มรดกผืนป่าตะวันออก ป่าชายเลนที่อุดมสมบูรณ์เป็นอันดับ 2 ของประเทศ) จุดที่ 2 เยี่ยมชมแนวกันชนน้ำจืดดุลน้ำเค็ม (ฝายคอนกรีตเสริมเหล็ก) โดยใช้น้ำจืดดันน้ำเค็ม สร้างฝายและบานประตู เพื่อกักเก็บน้ำจืดเป็นช่วง ๆ บริหารระดับน้ำแนวกันชนน้ำจืดและน้ำเค็ม ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวชื่นชมต่อการดำเนินการดังกล่าวว่าเป็นสิ่งที่ดีและให้ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เพื่อจะเป็นประโยชน์กับประชาชนในชุมชนต่อไป

 

จุดที่ 3 เยี่ยมชมการบริหารจัดการ 4 น้ำ “ดักน้ำจืด ดุลน้ำกร่อย  แก้น้ำเสีย ดันน้ำเค็ม” ซึ่งเป็นการปรับปรุงบ่อกุ้งร้างเพื่อพัฒนาเป็นแหล่งกักเก็บน้ำสำรองหรือสระแก้มลิง ปรับพื้นที่เกษตรเป็นร่องสวน กักเก็บน้ำจืดไว้กับชุมชนให้ได้มากที่สุด และเป็นแหล่งน้ำจืดที่ใช้บล๊อกน้ำเค็มที่จะเข้าสู่แหล่งกักเก็บน้ำของชาวสวน และจุดที่ 4 เยี่ยมชมเกษตรผสมผสานตามแนวทางทฤษฎีใหม่ (ระบบสำรองน้ำด้วยนากุ้งร้างและร่องสวน) ซึ่งนางพัดชา บวรสถิต เกษตรกรบ้านเปร็ดใน ได้น้อมนำแนวพระราชดำริ ด้วยการทำเกษตรตามแนวทางทฤษฎีใหม่ มาปรับใช้กับพื้นที่ตนเอง เนื้อที่ 14 ไร่ ซึ่งเดิมพื้นที่ทำนากุ้งเพียงอย่างเดียว และบริหารจัดการน้ำโดยการขุดสระสำรองน้ำในพื้นที่ 3 สระ เนื้อที่ 3.45 ไร่ และร่องสวนเนื้อที่ 5.89 ไร่ ได้ปริมาตรน้ำ 29,960 ลบ.ม. เพื่อสำรองน้ำจืดเก็บไว้ใช้เพาะปลูก หมุนเวียนการใช้น้ำอย่างคุ้มค่า ทำเกษตรดำเนินงานทฤษฎีใหม่ ปลูกพืชผสมผสานทฤษฎีใหม่ เกษตรรอบสระ ผสมผสานเลี้ยงปลา ตามธรรมชาติและเลี้ยงไก่ ส่งผลให้มีรายได้เฉลี่ย 144,000 บาท/ปี ลดรายจ่าย 24,000 บาท/ปี  โดยนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวชื่นชมการชมการทำเกษตรผสมผสานตามแนวทางทฤษฎีใหม่ของนางพัดชา บวรสถิต เกษตรกรบ้านเปร็ดใน ที่ได้น้อมนำแนวพระราชดำริมาปฏิบัติจนเกิดผลสำเร็จและเป็นแบบอย่างที่ดีให้ชาวบ้านในชุมได้นำไปปฏิบัติตาม

 

จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้เยี่ยมชมผลผลิตทางการเกษตรและผลิตภัณฑ์แปรรูปของเกษตรกรชาวบ้านเปร็ดใน เช่น ปลาโคกแดนเดียว ไข่เค็ม นำ้หมักชีวภาพ ข้าวเกรียบสมุนไพร กล้วน้ำหว้า ฝรั่งกิมจู ซึ่งเป็นผลสำเร็จจากการน้อมนำแนวพระราชดำริและแนวคิดเกษตรทฤษฎีใหม่มาปฏิบัติจนเกิดผลเป็นรูปธรรม สร้างอาชีพ และรายได้ในชุมชนอย่างยั่งยืน

 

หลังจากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้เขียนลงนามในสมุดเยี่ยมของชุมชนบ้านเปร็ตใน ดังนี้ “ยินดีเป็นเกียรติที่ได้มาเยี่ยมเยือนในวันนี้ ขอบคุณในการต้อนรับ รอยยิ้มที่สดใส ทำให้ นรม./ครม.มีกำลังใจที่จะทำเพื่อพ่อแม่พี่น้องต่อไป ประเทศชาติต้องแข็งแรงด้วยประชาชนเอง รัฐบาลส่งเสริม ผลักดัน สนับสนุน ทุกอย่างต้องเกิดจากภายใน ระเบิดจากข้างใน  แนวทางพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เราต้องร่วมมือกัน ประชารัฐ / มุ่งไทยนิยมคือนิยมทำคุณงามความดี เพื่อตนเอง ครอบครัว และผู้อื่น ขอให้ประสบความสำเร็จทุกประการ”

matemnews.com  5 กุมภาพันธ์ 2561