น.ส.กาญจนา นิตยะ ผอ.สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แถลงข่าวแก่สื่อมววลชนที่กรม ถนนพหลโยธิน บางเขน เมื่อบ่ายวันที่ 13 ก.พ.2561 ถึงกรณีเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าจับกุม “นายเปรมชัย กรรณสูตร” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทอิตาเลียนไทย ฯ ส่งสน.ทองผาภูมิ กาญจนบุรี ลักลอบล่าสัตว์ใน “เขตรักษาพันธุ์ทุ่งใหญ่นเรศวร ฝั่งตะวันตก” จับได้พร้อมพวกอีก 3 คนเมื่อคืน 4 ก.พ.2561 ว่า
การเข้าพื้นที่เขตรักษาพันธุ์ฯ มีการกำหนดแนวทางและหลักปฏิบัติไว้ชัดเจน โดยมอบหมายอำนาจให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ คือ กรณีขออนุญาตถ่ายทำภาพยนตร์และขอใช้บ้านพักในเขตรักษาพันธุ์ฯ ต้องขออนุญาต ผอ.สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า โดยระยะเวลาการขออนุญาตจะใช้เวลาประมาณ 5 วัน
การขอนุญาตเข้าไปศึกษาธรรมชาติ พักการเต็นท์ ต้องขออนุญาต ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่เกี่ยวข้อง ในกรณีนี้คือ ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) เป็นการขออนุญาตเข้าไปพื้นที่แบบไปเช้าเย็นกลับ สามารถขออนุญาตหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์ฯได้เลย
การเข้าพื้นที่เขตรักษาพันธุ์ฯ ทุ่งใหญ่ ฝั่งตะวันตก สามารถเข้าได้ 4 เส้นทาง เป็นเส้นทางสำหรับการท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ สำหรับศึกษาธรรมชาติ โดยใช้รถยนต์ มีการกำหนดว่าจะเข้าได้กี่วัน ขนาดล้อรถยนต์เท่าไร เพื่อไม่ให้กระทบต่อสภาพแวดล้อม และไม่อนุญาตให้ใช้เส้นทางทางน้ำเด็ดขาด
ตนได้รับโทรศัพท์จากบุคคลที่ระบุว่า เป็นผู้ประสานงานของ “นายเปรมชัย กรรณสูตร” ประธานบริหารบริษัทอิตาเลียนไทย เดเวล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ว่าจะขอเข้าพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งตนได้แจ้งให้ไปประสานกับทางสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ได้เลย เพราะเป็นการขอเข้าพักกางเต้นท์เพื่อศึกษาธรรมชาติ ยืนยันว่าไม่ได้รู้จักกับนายเปรมชัยเป็นการส่วนตัว ที่มีการระบุว่านายเปรมชัยเป็นแขกของตน ต้องตอบว่า นักท่องเที่ยวหรือผู้ที่ต้องการศึกษาธรรมชาติในเขตรับผิดชอบของกรมอุทยานฯ เป็นแขกของเจ้าหน้าที่ทุกคน และปฏิบัติกับทุกคนที่มาติดต่อเช่นเดียวกันและเท่าเทียมกันหมด ซึ่งตนไม่ค่อยรู้จักคนมีชื่อเสียง หรือคนใหญ่คนโตอยู่แล้ว
การขอให้อำนวยความสะดวกในการเข้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฯ นั้นไม่ค่อยเกิดขึ้นอยู่แล้ว เพราะไม่ใช่พื้นที่ที่มีความสะดวกสบายมากนัก ส่วนมากจะเป็นการขอเข้าพื้นที่อุทยานฯ ใหญ่ๆ มากกว่า
ผู้สื่อข่าวถามว่า เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า ได้มีการตรวจค้นอาวุธก่อนที่กลุ่มนายเปรมชัยจะเข้าพื้นที่หรือไม่ น.ส.กาญจนา กล่าวว่า
มีการสุ่มตรวจตามปกติ แต่ไม่มีใครคาดคิดว่าคนระดับนี้จะกระทำการแบบนี้ เพราะขอเข้าไปศึกษาธรรมชาติ ปกติก็มีการตรวจสอบสิ่งของที่นำเข้าไป และนำออกมาอยู่แล้ว
นักข่าวถามต่อว่า ถือว่าเจ้าหน้าที่ประมาทหรือไม่ น.ส.นิตยาตอบว่า
“เชื่อว่าเจ้าหน้าที่ก็ทำงานอย่างเต็มทีอยู่แล้ว ถือว่าเป็นโชคที่ที่เจ้าหน้าที่ตรวจพบการกระทำ แต่โชคร้ายที่เราสูญเสียสัตว์ป่าไปหลายตัว โดยเฉพาะเสือดำ เป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ขนาดใหญ่ หายาก ขณะนี้ในพื้นที่เหลืออยู่ไม่เกิน 130 ตัวเท่านั้น ยืนยันว่ากรมอุทยานฯ จะเร่งติดตามคดีให้ถึงที่สุด โดยได้ส่งเจ้าหน้าที่ส่วนกลางเข้าไปช่วยทำสำนวนเพื่อให้เกิดความรัดกุม และสามารถเอาผิดผู้ที่เกี่ยวข้องได้ เรื่องนี้นี้นายเปรมชัยต้องมีส่วนรับผิดชอบ เพราะอยู่ในร่วมในเหตุการณ์ จะอ้างลูกน้องดำเนินการ แต่ไม่ห้ามปรามไม่ได้
นายธรรมรัฐ วงศ์โสภา รักษาการผอ.สำนักพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) กล่าวเสริมในขณะแถลงข่าวว่า “คณะของนายเปรมชัย ไม่ได้ขออนุญาตก่อนเข้าพื้นที่”
น.ส.กาญจนา กล่าวเพิ่มทันทีว่า
“ก็ถือว่าเป็นความผิดอีกฐานหนึ่ง คือ เข้าพื้นที่ก่อนไม่ได้รับอนุญาต ทราบว่ากลุ่มนายเปรมชัยจะขอเข้าพื้นที่ระหว่างวันที่ 3-5 ก.พ. 2561 ได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่ว่า ช่วงเย็นวันที่ 3 ก.พ.2561 พบกลุ่มนายเปรมชัยไม่ได้อยู่ในจุดที่อนุญาตให้พักแรมได้ จึงได้แจ้งให้กลับไป ให้ไปอยู่ในจุดที่เจ้าหน้าที่กำหนด”
ผู้สื่อข่าวถามว่า เจ้าหน้าที่ได้ยินเสียงปืนหรือพบความผิดปกติอื่นหรือไม่นั้น น.ส.กาญจนา ตอบว่า
“เดิมในจุดนี้มีเจ้าหน้าที่อยู่ 4 นาย ระหว่างลาดตระเวน ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น จึงได้ขอกำลังมาสมทบเพิ่ม และได้เข้าไปตรวจในบริเวณรอบๆ เต็นท์ของผู้ต้องหา พบกระสุนปืนตกอยู่ 1 ปลอก จึงผิดสังเกต และได้เข้าตรวจค้น จึงพบซากสัตว์ คาดว่ามีการเตรียมการไว้ว่าจะเข้ามาล่าสัตว์ เพราะนอกจากอาวุธแล้ว ยังมีเกลือจำนวนมากนำเข้ามาด้วย”
matemnews.com 6 กุมภาพันธ์ 2561