เว็บไซต์รัฐบาลไทยรายงาน
วันนี้ (5 มี.ค. 61) เวลา 09.00 น. พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ เยี่ยมชมกระบวนการผลิตอุตสาหกรรมทางทะเล พร้อมพบปะพนักงาน/แรงงาน ณ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) อ.เมือง จ.สมุทรสาคร
เมื่อนายกรัฐมนตรีและคณะเดินทางถึง นายประภัสสร์ มาลากาญจน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ได้ให้การต้อนรับและกล่าวรายงานแนวทางการพัฒนาจังหวัดสมุทรสาครให้เป็น Hub of Seafood ซึ่งเป็นศูนย์กลางการผลิตและจำหน่ายสินค้าประมงไปสู่มาตรฐานสากล โดยต้องมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และการขนส่งสินค้า (โลจิสติกส์) เพิ่มประสิทธิภาพศูนย์การแจ้งเรือเข้า-ออก (Pipo) พัฒนาสู่เมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ พัฒนาศูนย์บริการใบรับรองสินค้าประมงส่งออก (OSS) ยกระดับมาตรฐานสะพานปลา พัฒนาแรงงานฝีมือภาคอุตสาหกรรมมุ่งสู่ Thailand 4.0 และยกระดับตลาดกลางสัตว์น้ำ
ในการนี้ นายกรัฐมนตรีแสดงความขอบคุณที่บริษัทฯ ให้การต้อนรับ และยินดีที่วันนี้จะได้เยี่ยมชมการจัดการ การผลิต แปรรูป และจำหน่ายแบบครบวงจร พร้อมชื่นชมประสิทธิผลการทำงานด้านประมงในเวทีโลก นายกรัฐมนตรีเห็นว่าต้องพัฒนาจังหวัดสมุทรสาครให้เต็มศักยภาพที่มีอยู่ สำหรับการผลักดันจังหวัดสมุทรสาครให้เป็น Hub of Seafood นั้น ภาคเอกชนรายใหญ่ ควรรวมกลุ่มกับผู้ประกอบการรายย่อยเพื่อสร้างความเข้มแข็ง ทั้งนี้ รัฐบาลจะรับไปพิจารณาว่าจะสนับสนุนด้านโครงสร้างพื้นฐานอะไรได้บ้างเพื่อให้เกิดความเชื่อมโยงไปยังจังหวัดอื่น ๆ เช่น นครปฐม เพชรบุรี ให้เติบโตไปพร้อมกัน แต่ต้องคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของแรงงานด้วย
จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้เยี่ยมชมกระบวนการผลิตอุตสาหกรรมทางทะเล และพบปะพนักงาน/ แรงงานของบริษัทฯ โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า มาวันนี้เพื่อให้กำลังใจกับแรงงานซึ่งถือว่ามีความสำคัญไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือคนต่างด้าว รัฐบาลพร้อมดูแลคุณภาพชีวิต การศึกษา และสาธารณสุข ไม่ว่าจะมาจากประเทศไหนก็ตาม อยู่ประเทศไทยก็ขอให้รักประเทศไทยด้วย เราจะต้องเติบโตอย่างแข็งแกร่งไปด้วยกัน และไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ในส่วนของรัฐบาลจะทำเต็มที่ และทำให้ดีที่สุด เพื่อลูกหลานของเราทุกคน
พร้อมกล่าวว่า ขอให้แรงงานทุกคนขึ้นทะเบียนแรงงาน เพื่อจะได้รับสิทธิประโยชน์ ขอให้เป็นกำลังใจให้รัฐบาล และฝากให้ทุกคนไปเลือกตั้ง อย่านอนหลับทับสิทธิ์
วันนี้ (5 มีนาคม 2561) เวลา 07.30 น. ณ มูลนิธิเครือข่ายส่งเสริมคุณภาพชีวิตแรงงาน (LPN) ตำบลบางหญ้าแพรก อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะเยี่ยมชมมูลนิธิเครือข่ายส่งเสริมคุณภาพชีวิตแรงงาน โดยมีนายสมพงศ์ สระแก้ว ผู้อำนวยการมูลนิธิเครือข่ายส่งเสริมคุณภาพชีวิตแรงงาน ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับรางวัลบุคคลที่มีผลงานดีเด่นด้านการส่งเสริม ปกป้อง และคุ้มครองสิทธิมนุษยชนประจำปี 2560 พร้อมผู้ที่เกี่ยวข้องให้การต้อนรับและนำชมการดำเนินงานของมูลนิธิฯ
สำหรับมูลนิธิเครือข่ายส่งเสริมคุณภาพชีวิตแรงงานเป็นองค์กรด้านแรงงานที่มุ่งมั่นส่งเสริมคุณภาพชีวิต คุ้มครองสิทธิความเสมอภาค การพึ่งตนเอง และสรรค์สร้างการอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างสันติ ก่อตั้งขึ้นเมื่อปลายปี 2547 ดำเนินการภายใต้คณะบุคคลเพื่อการทำงานภาคประชาสังคม เน้นการทำงานประเด็นแรงงานข้ามชาติในจังหวัดสมุทรสาครเป็นหลัก มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้แรงงานย้ายถิ่นและครอบครัวได้เป็นส่วนหนึ่งในสังคมไทย รวมถึงการให้คำปรึกษาและช่วยเหลือแรงงาน ให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายแก่แรงงานย้ายถิ่น รวมทั้งเพื่อเสริมสร้างความเข้าใจ และการอยู่ร่วมกันอย่างผาสุกของกลุ่มแรงงานไทย กลุ่มแรงงานข้ามชาติ ส่งเสริมการเข้าถึงการคุ้มครองสิทธิของแรงงานและครอบครัว เพื่อเสริมสร้างศักยภาพเครือข่ายทางสังคมของแรงงานไทย แรงงานข้ามชาติ ครอบครัวและชุมชน ให้สามารถพึ่งตนเองได้ โดยความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน
นอกจากนี้ ยังเน้นพัฒนากลไกการคุ้มครองสิทธิและการเยียวยาผู้เสียหายจากการถูกละเมิด และส่งเสริมการศึกษาแก่แรงงานข้ามชาติและผู้ติดตาม รวมทั้งส่งเสริมสิทธิด้านสุขภาพ การทำงานที่ปลอดภัย การศึกษา และบริการทางสังคม ดำเนินการให้ความช่วยเหลือแรงงานทั้งแรงงานไทยและแรงงานข้ามชาติในประเด็นสิทธิมนุษยชน การเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐาน การป้องกันการใช้แรงงานเด็ก การป้องกันการค้าหญิงและเด็ก การป้องกันการค้ามนุษย์ในรูปแบบของแรงงาน และทำให้เกิดการเข้าถึงสิทธิทางการศึกษาของบุตรหลานหรือผู้ติดตามแรงงานข้ามชาติ
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวกับอาสาสมัครแรงงานเมียนมาร์ที่ยื่นหนังสือร้องเรียนให้นายกรัฐมนตรีเข้มงวดกับเจ้าหน้าที่ให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ในการดูแลแรงงานต่างด้าว โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวย้ำกับ เอ็นจีโอ ว่าจะต้องช่วยดูแลแรงงาน และให้ทำงานเชื่อมโยงกับทางรัฐบาล ช่วยกันสร้างความเข้าใจกับต่างชาติอย่าให้เกิดความเข้าใจผิด โดยเฉพาะประเด็นการแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ แรงงานผิดกฎหมาย ซึ่งรัฐบาลกำลังเร่งดำเนินการปราบปรามอยู่ แต่ต้องอาศัยความร่วมมือจาก 3 ส่วน คือ เจ้าหน้าที่รัฐ ผู้ประกอบการ และแรงงาน ซึ่ง NGO ต้องทำงานร่วมกับทางรัฐบาล และขอให้ช่วยกันเผยแพร่สิ่งที่รัฐบาลได้พยายามที่จะแก้ปัญหา พร้อมกล่าวยืนยันว่า จะดำเนินการกับเจ้าหน้าที่รัฐที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ หรือทำผิดกฎหมาย โดยจะต้องถูกลงโทษเช่นเดียวกับผู้ประกอบการ หากไม่ให้ความร่วมมือก็จะต้องดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีได้พูดคุยกับนายศรลักษณ์ จีนอินทร์ ลูกเรือประมง อายุ 38 ปี ที่แขนขาดจากการทำประมง โดยนายกรัฐมนตรีสั่งการให้เจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยในการทำงาน ตลอดจนสิทธิ สวัสดิการกับผู้ใช้แรงงาน ทั้งนี้ รัฐบาลจำเป็นต้องออกกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้นานาชาติได้เห็นความตั้งใจจริงของรัฐบาลในการแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ ซึ่งจะต้องร่วมมือกันในการแก้ปัญหาดังกล่าว
จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้ทักทายกับครู และบุตรหลานของแรงงานต่างด้าว โดยขอให้ครูสร้างจิตสำนึกให้กับเด็กและเยาวชนของแรงงานต่างด้าวให้มีคุณธรรม รักแผ่นดินไทย เพราะแผ่นดินไทยช่วยสร้างงาน สร้างอาชีพให้ และช่วยกันพัฒนา สร้างสังคมให้เกิดความสงบสุข ไม่ให้เกิดความขัดแย้ง พร้อมกับขอให้สอนภาษาไทยแบบง่าย ๆ โดยให้ท่องจำกับแรงงานต่างชาติ เพื่อให้สามารถสื่อสารกันได้
หลังจากนั้น นายกรัฐมนตรีรับฟังบรรยายสรุปพร้อมข้อเสนอจากมูลนิธิเครือข่ายส่งเสริมคุณภาพชีวิตแรงงาน โดยนายกรัฐมนตรีได้กล่าวเน้นย้ำว่า รัฐบาลมีเจตนารมณ์มุ่งมั่นแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ และปัญหาแรงงานข้ามชาติให้เป็นรูปธรรม และให้ความสำคัญต่อการทำงานของคณะทำงานต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น NGO มูลนิธิ หรือองค์กร ขอให้ช่วยกันนำปัญหาที่เกิดขึ้นมาขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาให้ดีขึ้นตามลำดับ ทั้งนี้ รัฐบาลพร้อมให้ความร่วมมือกับทุกหน่วยงาน ส่วนการดูแลแรงงานขอให้มองสองทางทั้งแรงงานไทยและแรงงานต่างประเทศ รวมทั้งขอให้คำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชนเป็นหลัก และขอให้ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด
กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก
วันนี้ (5 มี.ค. 61) เวลา 09.00 น. พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ เยี่ยมชมกระบวนการผลิตอุตสาหกรรมทางทะเล พร้อมพบปะพนักงาน/แรงงาน ณ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) อ.เมือง จ.สมุทรสาคร
เมื่อนายกรัฐมนตรีและคณะเดินทางถึง นายประภัสสร์ มาลากาญจน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ได้ให้การต้อนรับและกล่าวรายงานแนวทางการพัฒนาจังหวัดสมุทรสาครให้เป็น Hub of Seafood ซึ่งเป็นศูนย์กลางการผลิตและจำหน่ายสินค้าประมงไปสู่มาตรฐานสากล โดยต้องมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และการขนส่งสินค้า (โลจิสติกส์) เพิ่มประสิทธิภาพศูนย์การแจ้งเรือเข้า-ออก (Pipo) พัฒนาสู่เมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ พัฒนาศูนย์บริการใบรับรองสินค้าประมงส่งออก (OSS) ยกระดับมาตรฐานสะพานปลา พัฒนาแรงงานฝีมือภาคอุตสาหกรรมมุ่งสู่ Thailand 4.0 และยกระดับตลาดกลางสัตว์น้ำ
ในการนี้ นายกรัฐมนตรีแสดงความขอบคุณที่บริษัทฯ ให้การต้อนรับ และยินดีที่วันนี้จะได้เยี่ยมชมการจัดการ การผลิต แปรรูป และจำหน่ายแบบครบวงจร พร้อมชื่นชมประสิทธิผลการทำงานด้านประมงในเวทีโลก นายกรัฐมนตรีเห็นว่าต้องพัฒนาจังหวัดสมุทรสาครให้เต็มศักยภาพที่มีอยู่ สำหรับการผลักดันจังหวัดสมุทรสาครให้เป็น Hub of Seafood นั้น ภาคเอกชนรายใหญ่ ควรรวมกลุ่มกับผู้ประกอบการรายย่อยเพื่อสร้างความเข้มแข็ง ทั้งนี้ รัฐบาลจะรับไปพิจารณาว่าจะสนับสนุนด้านโครงสร้างพื้นฐานอะไรได้บ้างเพื่อให้เกิดความเชื่อมโยงไปยังจังหวัดอื่น ๆ เช่น นครปฐม เพชรบุรี ให้เติบโตไปพร้อมกัน แต่ต้องคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของแรงงานด้วย
จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้เยี่ยมชมกระบวนการผลิตอุตสาหกรรมทางทะเล และพบปะพนักงาน/ แรงงานของบริษัทฯ โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า มาวันนี้เพื่อให้กำลังใจกับแรงงานซึ่งถือว่ามีความสำคัญไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือคนต่างด้าว รัฐบาลพร้อมดูแลคุณภาพชีวิต การศึกษา และสาธารณสุข ไม่ว่าจะมาจากประเทศไหนก็ตาม อยู่ประเทศไทยก็ขอให้รักประเทศไทยด้วย เราจะต้องเติบโตอย่างแข็งแกร่งไปด้วยกัน และไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ในส่วนของรัฐบาลจะทำเต็มที่ และทำให้ดีที่สุด เพื่อลูกหลานของเราทุกคน
พร้อมกล่าวว่า ขอให้แรงงานทุกคนขึ้นทะเบียนแรงงาน เพื่อจะได้รับสิทธิประโยชน์ ขอให้เป็นกำลังใจให้รัฐบาล และฝากให้ทุกคนไปเลือกตั้ง อย่านอนหลับทับสิทธิ์
matemnews.com 5 มีนาคม 2561
