ในการแถลงข่าวแก่สื่อมวลชนที่ทำเนียบรัฐบาล หลังการประชุมครม.เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2561 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงปัญหาการทุจริตในโครงการของกระทรวงต่างๆ ว่า
“เรื่องทุจริตมีหลายหน่วยงานที่ปรากฏออกมา ไม่ใช่ว่ารัฐบาลนี้ปล่อยปละละเลย มีการตั้งกรรมการสอบสวนอยู่ แต่กระบวนการสอบสวนบางครั้งมันช้าเกินไป วันนี้ได้เร่งรัดให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ ไปตรวจในทุกกระทรวง ทุกหน่วยงาน หรือทุกงบประมาณที่มีปัญหา ผมต้องเน้นตรงนี้ เพราะเป็นการใช้งบประมาณโดยตรงจากรัฐ เช่น ในโครงการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโครงการเงินคนไร้ที่พึ่ง โครงการจ้างงาน และโครงการเงินทุนการศึกษา โครงการเหล่านี้มีมานานแล้ว ผมเคยบอกแล้วว่ามันก็อยู่ที่ผู้ได้รับผลประโยชน์ อยู่ที่เจ้าหน้าที่ อยู่ที่ประชาชนส่วนหนึ่งที่ได้ประโยชน์ก็เข้าร่วมมือด้วย และด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เขาให้อะไรมาก็เอาหมด บังเอิญโชคดีระหว่างการสอบสวนมีผู้หญิงกับผู้ชาย 2 คน มาให้ข้อมูล ก็เป็นสิ่งที่น่าชมเชย เป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคนต้องร่วมมือกันมีหลักฐานก็ออกมาพูดจะทางลับ หรือเปิดเผยก็ได้ ผมก็รับหมด ตอนนี้ทั้ง 3 เรื่อง มีคนมาให้ข้อมูล มีเจ้าหน้าที่ต่างๆ ให้ข้อมูลแล้ว คือเขากล้าขึ้นจะไม่อยู่ร่วมขบวนการอีกต่อไป มันสะสมมายาวนาน ก็อยากให้ไปทบทวนกันให้รู้ว่ารัฐบาลนี้เอามาเปิดเผยกี่เรื่องแล้ว คดีใหญ่ๆ เล็ก กลาง ก็มาหมด ไม่ใช่รัฐบาลปล่อยปละละเลย เพียงแต่มันต้องสอบสวนหาสาเหตุ หลักฐานวัตถุพยานบุคคลมาให้ได้ ส่วนใหญ่ไม่ค่อยยอมเป็นพยานกันเพราะกลัว ก็ต้องขอย้ำว่า ไม่ต้องกลัวหรอก ผมดูแลคุ้มครองให้ เพราะใครที่ไปทำร้าย ไปรังแก เอางบประมาณที่จะต้องไปถึงคนจน คนเหล่านี้ผมถือว่าแย่มาก คนที่ด้อยโอกาสแล้วยังไปเอาของเขามาอีก ผมว่ามันน่าอับอาย ในทางศีลธรรมก็ไม่ได้อีก หลายกระทรวง ผมกำลังให้ ป.ป.ท.ลงไปตรวจสอบอยู่ในกรณีการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ มันต้องให้ความชัดเจนและให้ความเป็นธรรมเกิดขึ้น”
ทางด้าน นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวประชุม ครม.ว่า นายกรัฐมนตรี ได้กำชับในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ให้กระทรวงที่มีปัญหาทุจริต เร่งดำเนินการตรวจสอบ โดยทางนายกฯ จะส่งทีมของนายกฯมาร่วมตรวจสอบคู่ขนานไปด้วย เพราะหากให้ข้าราชการตรวจสอบกันเอง อาจจะล่าช้า ปัญหาทุจริต นายกฯติดตามอย่างใกล้ชิด ทั้งเรื่องกองทุนเสมาพัฒนาชีวิต ของศธ. และปัญหาโกงเงินคนจน ของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นายกฯ ขอให้ตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมาและอยากให้ทำให้เร็ว โดยผมได้กำกับให้ปลัดศธ. รวบรวมกองทุนฯในศธ. ทั้งหมด และมอบหมายให้ พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการ ศธ. แจ้งที่ประชุมผู้บริหารองค์กรหลัก ในบ่ายวันนี้ด้วยว่า ให้ผู้บริหารตรวจสอบกองทุนของแต่ละองค์กรด้วย ซึ่งไม่ใช่แต่กองทุนเท่านั้น คนที่อยู่ใน กองคลัง ที่ดูแลเรื่องงบประมาณ ก็ต้องตรวจสอบโครงการอื่น ๆที่อาจจะเกิดปัญหาทุจริตด้วย ตอนนี้ศธ. ได้ส่งเรื่องให้ ป.ป.ท.ตรวจสอบ และทางนายกฯ เองก็ได้กำชับให้ ป.ป.ท. เข้ามาดูแลอีกทางหนึ่งด้วย จากการตรวจสอบข้อมูลตัวเลขการโอนเงินจากกองทุนเสมาพัฒนาชีวิต ล่าสุด พบตัวเลขการโอนเงินให้หน่วยงานฯอยู่ที่ 88 ล้านบาท จากเดิน 77 ล้านบาท ส่วนตัวเลขการโอนเข้าบัญชีส่วนบุคคลพบมี 22 บัญชี ยังเป็นตัวเลข 88 ล้านบาทอยู่เท่าเดิม เท่ากับโอนเข้าตัวเองครึ่งหนึ่งและโอนให้ผู้ที่ได้รับทุนครึ่งหนึ่ง ส่วนการตรวจสอบการทุจริตเงินอุดหนุนรายหัวนักเรียนนั้น ตอนนี้ ยังพูดไม่ได้ว่ามีการทุจริตเกิดขึ้น แต่ก็ต้องดำเนินการตรวจสอบ เพราะในอดีตที่ผ่านมา เราไม่รู้ว่ามีการทุจริตหรือไม่ ต้องไปดู ไม่รู้ว่าจะมีอะไรโผล่มาอีก โดยจากข้อมูลพบว่า รายหัวเด็กมีชื่อซ้ำซ้อนอยู่แสนกว่าคน ต้องไปดูว่าซ้อนเพราะอะไร ทุกปีหากเกิดความซ้ำซ้อน งบประมาณที่ใช้ในการจ่ายเงินรายหัวก็จะฟ้องออกมาในรูปแบบเงินเหลือจ่าย ทางศธ. ไม่ต้องการให้เกิดความซ้ำซ้อนขึ้นอีก เพราะหากตรวจสอบไม่พบ อาจจะเกิดปัญหาทุจริตได้
พลเอก สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิกา ได้เป็นประธานการประชุมผู้บริหารองค์กรหลักของกระทรวงศึกษาธิการ แทน รมว.ศธ.เมื่อตอนบ่ายวันเดียวกัน แล้วให้สัมภาษณ์นักข่าว ว่า รมว.ศธ.ได้มอบหมายให้ตนแจ้งต่อที่ประชุมผู้บริหารองค์กรหลักของศธ. ให้แต่ละองค์ตรวจสอบว่า มีกองทุนใดบ้าง และมีปัญหาอุปสรรคในการดำเนินการหรือไม่อย่างไร แล้วให้สรุปปัญหาอุปสรรคในการดำเนินการเสนอต่อ รมว.ศธ.ต่อไป โดยทางผู้บริหารองค์กรหลักก็รับจะไปดำเนินการรวบรวมและสำรวจตรวจสอบและรายงานต่อ รมว.ศธ.เร็วที่สุด
matemnews.com 13 มีนาคม 2561