Home ข่าวทั่วไปรอบวัน พลเอกประยุทธ์ใช้มาตรา 44 ฟัน “สมชัย ศรีสุทธิยากร” พ้นสภาพ กกต.ทันที

พลเอกประยุทธ์ใช้มาตรา 44 ฟัน “สมชัย ศรีสุทธิยากร” พ้นสภาพ กกต.ทันที

972
0
SHARE

 

 

เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ลงวันที่ 20 มีนาคม 2561 เผยแพร่

 

คําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งาติ ที่ ๔/๒๕๖๑

 

เรื่อง ให้กรรมการการเลือกตั้งยุติการอยู่ปฏิบัติหน้าที่

 

ด้วยนายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง ได้มีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมในกรณีการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงความเห็นของตนเกี่ยวกับกระบวนการ  และกําหนดการการเลือกตั้งด้วยถ้อยคําที่ไม่สมควร  ในลักษณะที่อาจก่อให้เกิดความสับสน อันจะเป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติงานของคณะกรรมการการเลือกตั้งและการจัดการการเลือกตั้งให้สําเร็จลุล่วงไปด้วยดี

 

ทั้งได้ปรากฏข้อเท็จจริงด้วยว่า นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ได้สมัครเข้ารับการคัดเลือกให้ดํารงตําแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง โดยไม่ได้ลาออกจากการปฏิบัติหน้าที่กรรมการการเลือกตั้งเสียก่อนซึ่งถือเป็นการกระทําที่เข้าข่ายเป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์ เนื่องจากตนเองเป็นผู้มีส่วนได้เสียในเรื่องดังกล่าวโดยตรง และจะส่งผลต่อความถูกต้องและเป็นธรรมในการคัดเลือกบุคคลที่เหมาะสมมาดํารงตําแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง จึงไม่สมควรให้นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ปฏิบัติหน้าที่กรรมการการเลือกตั้งต่อไป เพื่อให้การดําเนินการเป็นไปด้วยความเรียบร้อย โปร่งใส และเป็นธรรมแก่ผู้สมัครเข้ารับการคัดเลือกรายอื่น ๆ อันจะเป็นประโยชน์ต่อการปฏิรูปองค์กรตามรัฐธรรมนูญ

 

นอกจากนี้โดยที่ปัจจุบันอยู่ระหว่างการสรรหาบุคคลที่มีคุณสมบัติเหมาะสม เพื่อแต่งตั้งเป็นคณะกรรมการการเลือกตั้ง จึงมีความจําเป็นต้องกําหนดให้ประธานกรรมการการเลือกตั้งหรือกรรมการการเลือกตั้งที่ดํารงตําแหน่งอยู่ในวันก่อนวันที่คําสั่งนี้มีผลใช้บังคับยังคงอยู่ในตําแหน่งเพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่อไปเพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้งเป็นไปอย่างต่อเนื่อง และไม่กระทบต่อการเตรียมการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น อันจะเป็นประโยชน์ต่อการรักษาความสงบและบริหารจัดการการเลือกตั้งให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย

 

เพื่อประโยชน์ในการปฏิรูปองค์กรตามรัฐธรรมนูญภายใต้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยอาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๒๖๕ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ประกอบกับมาตรา ๔๔ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติโดยความเห็นชอบของคณะรักษาความสงบแห่งชาติจึงมีคําสั่ง ดังต่อไปนี้

 

ข้อ ๑ ให้นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ยุติการอยู่ปฏิบัติหน้าที่กรรมการการเลือกตั้ง ตั้งแต่วันที่คําสั่งนี้ใช้บังคับเป็นต้นไป

 

ข้อ ๒ ในกรณีที่ผู้ซึ่งอยู่ปฏิบัติหน้าที่ประธานกรรมการการเลือกตั้งหรือกรรมการการเลือกตั้งตามมาตรา ๗๐ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ. ๒๕๖๐ มีอายุครบเจ็ดสิบปี ให้ผู้นั้นยังคงอยู่ในตําแหน่งเพื่อปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวต่อไปจนกว่าประธานกรรมการการเลือกตั้งและกรรมการการเลือกตั้งที่แต่งตั้งขึ้นใหม่จะเข้ารับหน้าที่บทบัญญัติตามวรรคหนึ่งให้ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของบทเฉพาะกาลตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ. ๒๕๖๐

 

ข้อ ๓ คําสั่งนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

 

หลังจากคำสั่งแพร่ไม่นาน  นายสมชัย ศรีสุทธิยากร แถลงแก่ผู้สื่อข่าว ว่า ถือเป็นดุลพินิจของผู้มีอำนาจ ที่คิดว่าเหมาะสมก็ให้ดำเนินการไป ตนยืนยันว่า การให้สัมภาษณ์ที่ผ่านมาอยู่บนพื้นฐานการรักษาผลประโยชน์บ้านเมืองไม่ได้มุ่งเอาใจใคร และการสมัครเลขาธิการกกต.เป็นเพราะมีคุณสมบัติที่จะสมัครได้ โดยเชื่อว่ากกต.ชุดปัจจุบันคงไม่กล้าเลือกตนเป็นเลขาธิการกกต. เพราะรู้ดีว่าหากตนได้เป็นเอาจปฏิบัติหน้าที่ขัดต่อความต้องการของผู้มีอำนาจในบ้านเมืองได้  เมื่อตนพ้นตำแหน่งแล้ว  จะหาแนวทางอื่นในการทำประโยชน์ให้บ้านเมืองต่อไป และขอเวลา 2-3 วันในการเก็บของ คิดว่าสำนักงาน กกต.คงไม่ใจร้ายให้เก็บของให้เสร็จภายในวันนี้ และเดิมทีตนจะไปร่วมสัมมนาเตรียมงานการเลือกตั้งของสำนักงานกกต.ในวันพรุ่งที่ 21 มี.ค.2561  แต่คงไม่ได้ไปแล้ว เพราะไม่มีหน้าที่แล้ว ส่วนการประชุมพรรคการเมืองเก่าในวันที่ 28 มี.ค.2561 ซึ่งตนมีความตั้งใจที่จะเข้าร่วม  จึงได้ยกเลิกการเดินทางไปต่างประเทศ ก็คงไม่ได้ไปร่วม ยกเว้นจะไปร่วมในฐานะตัวแทนพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง  ผมไม่รู้สึกเสียใจต่อคำสั่งที่ออกมา ก่อนหน้านี้ก็พยายามหาทางที่จะออกจากตำแหน่งอยู่แล้ว และรู้ว่าตัวเองสุ่มเสี่ยงมาโดยตลอดกับการที่จะถูกคสช.ปลด เพราะให้สัมภาษณ์ในลักษณะที่ไม่ถูกใจใคร แต่ถือว่าทำตามหน้าที่ ซึ่งอาจมีคนเห็นว่าไปขัดผลประโยชน์จนทนไม่ได้ แต่การเป็นกกต.มีหน้าที่ชี้ว่าสิ่งใดถูกและสิ่งใดผิด”นายสมชัย กล่าว

 

นายศุภชัย สมเจริญ ประธาน กกต. ให้สัมภาษณ์นักข่าว ว่า เรื่องที่เกิดขึ้นไม่มีปัญหา เพราะกกต.ที่เหลือปฏิบัติหน้าที่ 4 คน ถือว่าครบองค์ประชุม ส่วนงานด้านบริหารกลางที่นายสมชัย ดูแลอยู่นั้น ปกติกกต.ไม่ได้คุมงานบริหาร ให้แต่นโยบายอย่างเดียว ซึ่งในส่วนนี้อยู่ในการดูแลของสำนักงานและเลขาธิการกกต. ส่วนการต่ออายุของประธานกกต. และกกต.ที่จะมีอายุครบ 70 ปีให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าจะมีกกต.ชุดใหม่นั้น ก็ไม่มีปัญหาเช่นเดียวกัน โดยผู้ที่จะมีอายุครบ 70 ปี คือ นายบญส่ง น้อยโสภณ กกต.ที่จะครบอายุในวันที่ 7 ส.ค.2561 และตนที่จะครบอายุ 8 ก.พ.2562 ก็จะต้องปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าจะมีกกต.ชุดใหม่

 

matemnews.com  20 มีนาคม 2561