นายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม รองอธิบดีสำนักงานชี้ขาดคดีอัยการสูงสุด แถลงแก่แก่นักข่าวเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2561 ซ้ำประเด็นเคยตั้งข้อสงสัยว่า ใครกันแน่ที่เป็นพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบคดีของ นายเปรมชัย และ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. เข้าไปทำอะไร เหตุที่ต้องถามว่า ท่านมีอำนาจสอบสวนหรือไม่ ก็เพราะการสอบสวนเป็นเงื่อนไขสำคัญที่ทำให้ พนักงานอัยการมีอำนาจในการฟ้องคดีอาญา ซึ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ได้กำหนดหลักเกณฑ์สำคัญเกี่ยวกับการสอบสวนความผิดที่ได้กระทำลงในราชอาณาจักรไว้ในมาตรา 2 (6) และมาตรา 18 กับมาตรา 19 โดยมีสาระสำคัญว่า การสอบสวนต้องกระทำโดยเจ้าพนักงานที่กฎหมายกำหนดให้มีอำนาจและหน้าที่ทำการสอบสวน การสอบสวนต้องกระทำโดยพนักงานสอบสวนที่มีเขตอำนาจ หากผู้สอบสวนมิใช่ “พนักงานสอบสวนผู้มีอำนาจ” แล้วต้องถือว่า เป็นการสอบสวนที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เท่ากับว่าไม่มีการสอบสวนในความผิดนั้นมาก่อน อันมีผลทำให้พนักงานอัยการไม่มีอำนาจฟ้อง ที่ผ่านมามีคำพิพากษาฎีกาในเรื่องนี้ไว้มากมาย เช่น คดีบุกรุกป่าไม้ของ สภ.อ.ไทยเจริญกับ สภ.อ.เลิกนกทา หรือคดีพรากผู้เยาว์และล่วงละเมิดทางเพศของ สภ.อ.ท่ามะกา กับ สน.บางพลัด หรือคดียาเสพติดของ สน.ท่าข้าม กับ สน.แสมดำ ดูซิครับ ศาลพิพากษายกฟ้องเพราะการสอบสวนที่กระทำโดย “พนักงานสอบสวน” ที่ไม่มีอำนาจ โดยผู้ที่ทำงานด้านการสอบสวน หรือ จะสอบเนติฯสัปดาห์หน้า ให้ไปลองศึกษาเพิ่มเติมจากคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 371/2531, 6142/2548, 12934/2553, 4337/2554, 11585/2557 ดู ที่ตนถามนั้นก็เพียงการการเตือนกันครับ การทำงานด้านกฎหมายต้องรู้กฎหมายจริงๆ ยิ่งทำคดีที่ผู้ต้องหาที่เงินมาก มีอำนาจ เชื่อเถอะทีมทนายเขาก็ต้องเก่งประมาทไม่ได้ เพราะ “อัยการ” มีหน้าที่รับผิดฟ้องให้คนผิดต้องได้รับโทษ หากปรากฏว่าการสอบสวนไม่ชอบ ศาลก็จะไม่พิจารณาข้อเท็จจริงว่าเขากระทำการอันเป็นความผิดหรือไม่ ถ้าตกม้าตายเพราะเรื่องนี้ใครจะรับผิดชอบ
วันเดียวกัน นางสมศรี วัฒนไพศาล อธิบดีอัยการภาค 7 แถลงแก่ผู้สื่อข่าว ว่า หลังจากพนักงานสอบสวน สภ.ทองผาภูมิ ส่งผลการสอบสวนเพิ่มเติมคดีนายเปรมชัย กรรณสูต มาให้คณะทำงานอัยการพิจารณา ตามคำสั่งให้สอบเพิ่มเติมในบางประเด็นเมื่อวันที่ 21 มีนาคมคณะทำงานอัยการได้ตรวจสอบผลการสอบสวนพยานเพิ่มเติมของพนักงานสอบสวน สภ.ทองผาภูมิดังกล่าวแล้ว พบว่า ยังคงไม่ครบถ้วนและยังขาดในบางประเด็นตามที่ได้สั่งการไป แต่ก็ขาดอีกไม่มาก จึงได้ประสานให้พนักงานสอบสวนไปสอบเพิ่มเติมอีกครั้ง โดยในวันที่ 26 มีนาคม คณะทำงานอัยการนำจะสำนวนที่สอบสวนเพิ่มเติมมาประชุมหารืออีกครั้ง ก่อนจะรายงานให้ทราบต่อไป การที่อัยการจะพิจารณาสั่งคดีใดนั้น ต้องพิจารณาสำนวนให้มีความละเอียด รอบคอบ เพราะอัยการ ต้องไปขึ้นศาล นำสำนวนไปยื่นฟ้อง หากสำนวนไม่พร้อมหรือไม่เรียบร้อยจะปล่อยให้ผ่านไปไม่ได้
matemnews.com 24 มีนาคม 2561