Home ประเด็นร้อนโซเชียล ตะลึง!! มหากาพย์จัดฟัน จากสาวหน้าเห่ยกลายเป็นนางฟ้า

ตะลึง!! มหากาพย์จัดฟัน จากสาวหน้าเห่ยกลายเป็นนางฟ้า

8058
0
SHARE

สวัสดีค่ะ  วันนี้ได้มีโอกาสมาเขียนรีวิว ที่พีคที่สุดเรื่องนึงในชีวิตเลยก็ว่าได้
ตามหัวเรื่องเลยค่ะ ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนเลยว่า กว่าที่จะโอกาสได้เขียนรีวิวนี้ ใช้เวลาหลายปีเลยพอสมควร คือเพื่อนๆและคนรู้จักหลายคนก็อยากให้เราลองมาแชร์พัฒนาการการเปลี่ยนแปลงดู (ทำไมไม่แชร์อ่อนนุชด้วย 555) อะไรประมาณนั้น เลยตัดสินใจลองมาเขียนรีวิวนี้ดู เผื่อจะเป็นกำลังใจกับคนที่กำลังประสบปัญหาเดียวกันให้สู้ๆเด๋

คือ ใช่แหล่ะการจัดฟันนั้นเป็นอะไรที่ดูเบสิกๆ สำหรับยุคสมัยนี้ไปแล้ว เดินไปไหนก็เห็นเด็กๆทำกันแทบทุกคน บางคนก็จัดแฟชั่นไปสะอีก ตัวเราก็เป็นคนหนึ่งที่ประสบปัญหาในเรื่องฟันค่อนข้างหนักหน่วงอยู่นะ มันเป็นอะไรที่พังพินาศมาก คือไม่ได้เป็นแค่เรา เเต่คือเป็นเหมือนพันธุกรรมทางบ้านเลยค่ะ ไม่มีคนฟันแข็งแรง ฟันสวยเลยสักคน

มันเป็นอะไรที่เจ็บปวดมากนะ ตอนเด็ก เคยโดนล้อมาแล้วทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็น อีเหยิน อีม้า แก้วหน้าม้า ลามไปถึงนู่นอ่ะอุปกรณ์การเกษตร ไม่ว่าจะจอบ หรือเสียม คือโดนหมด 555  ตอนเด็กยอมรับนะว่าเสียใจมาก โดนใครล้อที กลั้นน้ำตาแทบไม่อยู่ แบบทำไมต้องล้อเรา เราผิดไรว้ะเฮ้ย แค่เราฟันเหยินนี่นะ คิดดู ตั้งแต่จำความได้ก็คือโดนล้อมาตลอดจนมหาลัยอ่ะ จนมันกลายเป็นปมในใจไปเลย

หลายๆครั้ง ความคิดเด็กๆ เราก็ไปขอแม่ทำ ซึ่งค่าจัดฟันมันก็ไม่ใช่ถูกๆ เก็ทป่ะ เราก็รู้นะ แม่บอกเราว่าถ้าอยากทำ ก็เก็บตังทำเองนะ คือเราก็เข้าใจแม่นะ เงินหลายหมื่นสำหรับบ้านเราก็คือเยอะพอสมควร ตอนนั้นพี่เราเรียนจบมาแล้วทำงานก็เก็บตังทำเอง เราก็คิดว่ายังไงสักวันเราก็ต้องเก็บตังทำให้ได้

และอีกเหตุผลนึงที่เราอยากจัดฟันก็คือ คือพอเราโตขึ้น มันเริ่มมีปัญหาในเรื่องของช่องปากคือฟันมันไม่สบกัน ซ้อนกัน เกทับกันไปมาเนี่ย มันทำให้เราเริ่มมีปัญหาสุขภาพในช่องปาก ฟันพุง่าย และทำความสะอาดยาก ฟันแท้ก็ซี่ใหญ่ดีจัง เลย คือไปอุดไปอะไรบ่อย หมอเขาแนะนำว่าลองไปจัดฟันดูมั้ย ไม่งั้นเดี๋ยวแก่ตัวไปจะมีปัญหา ก็บอกหมอนะ ว่าอยากทำแต่ขอเก็บตังก่อนค่ะ

ซึ่งย้อนไปตอนนั้นมันเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ที่เรากำลังจะเข้ามหาลัย เราต้องเลือกแล้วล่ะ ว่าเราจะแต่งเป็นอะไร ชาย หรือ หญิง คิดนะว่า เฮ้ย ถ้าจะเป็นชาย จะรอดมั้ยสภาพแบบนี้ แล้วเป็นหญิง นี่จะรอดมั้ย ซึ่งคิดทบทวนอยู่นานหลายเดือนนะ  แต่เมื่อก็ชอบการแต่งหน้า มีความสุขกับการแต่งตัวเป็นผู้หญิง เราเลยเลือกขอที่จะเดินทางสายแต่งหญิงแล้วกัน  เเล้วถ้าการจะเริ่มเป็นผู้หญิง แล้วจะสวยขึ้น เราต้องเริ่มจากอะไร? ก็คงต้องเริ่มจากจัดฟันนั่นแหล่ะค่ะ

ตัดภาพมาตอนนั้นก็ได้กฤษ์เข้ามหาวิทยาลัย เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เริ่มมีรายได้เข้ามา จิ๊บจ้อย เพราะเรารับสอนพิเศษศิลปะ และความโชคดีมีบุญมีพี่เค้าโทรมาชวนให้ไปลองสอนพิเศษประจำ ก็ดีใจมาก แบบเฮ้ย พอจะมีรายได้แล้ว สอนยาวๆตลอดปิดเทอมก็น่าจะเก็บเงินได้เป็นหลักหมื่นอยู่ พอจะมีเงินเก็บไปทำบ้าง รีบบอกแม่เลย ว่านี่เราเก็บตังได้ละ จะไปจัดฟันละนะแม่ แม่ก็ใจดีช่วยออกให้บางส่วนด้วย เป็นคนพาเราไปหาหมอเองเลย

แต่ผลคืออะไรรู้มั้ย เราเข้าไปคลินิกแรกเค้าไม่รับทำให้เรา บอกว่าเคสนี้ยาก  เราไปหลายที่ หลายคลินิก หมอบอกว่าโหเคสนี้ยากกกกกก ยากกก ไม่ยอมรับทำให้ คือจะไป รพ.รัฐ เราก็ไม่อยากรอคิวนานเป็นปี คือแบบอยากรีบสวยแล้วเก็ทป่ะ 5555 เลยตัดสินใจลองหาทำเลสุดท้าย คือ คลินิกแถวๆศิริราช
ตอนนั้น เพราะมันใกล้กับที่เราสอนพิเศษ เสาร์ อาทิตย์จะได้แวะมาหาหมอได้  เพราะมันค่อนข้างไกลกับมหาลัยเราด้วย เดือนนึงมาเจอสักครั้งก็ยังโอเค

พอไปเจอกับหมอท่านนี้ หมอเค้าก็บอกกับเราตรงๆเลยนะ  เคสอย่างเราอ่ะ อย่างมากก็คือได้ฟันที่เรียงกัน ปัญหาของเราคือลักษณะฟันบนที่มันซี่ใหญ่และค่อนข้างยื่นมาก ต้องใช้เครื่องมืออุปกรณ์เสริมช่วยนอกเหนือจากการจัดฟัน
ไม่ง่ายเหมือนเคสทั่วไป หรือถ้าจะให้ดีแนะนำไป รพ.ผ่าตัดขาไกรก็จะช่วยได้เยอะกว่า เเต่ค่าใช้จ่ายก็ประมาณหลักแสน ก็อึ้งสิคะ….. สตั้นไป 10 วิ  คือไม่มีเงินจะทำมากขนาดนั้นน

แต่คือตั้งใจมาทำแล้วอ่ะ เราก็บอกหมอว่าสู้ทำไหวทำที่เราทำไหว ขอจัดฟันไปก่อนก็ได้ค่ะ อนาคตจะไปเลื่อนขากรรไกร อะไรก็ค่อยว่ากัน

หลังจากนั้นหมอก็จับให้เราไปX-ray ฟันนะ แต่แผ่นฟิลม์คือมันหายไปไหนแล้วไม่รู้ นานมากแล้ว เลยไม่มีรูปมาให้ดูนะคะ เเต่คือแบบภาพ X-Ray นี่คือนี่ฟันคนหรือปีรันย่าอ่ะเอาดีๆ   พอได้รูปถ่าย X-ray มาปุ๊ป หมอก็วิเคราะห์ ปัญหาแรกมาเลยจ้าาาา… คุณหมอพบกับ ฟันคุดเลย ซึ่งก็น่าจะเข้าใจกันดีเนอะ ว่าจะจัดฟันส่วนใหญ่ก็ต้องถอนฟันคุดกันอยู่แล้ว แต่ ฟันคุดของเราเนี่ยมัน Expert ว่านั้น หลายเท่าเลย ซึ่งทั่วไปฟันคุด มันจะอยู่บริเวณหน้าเหงือกไม่ก็หลังเหงือก แต่ของเรามันขึ้นแทรกตรงกลางระหว่างฟันกรามสองซีก แถมมันไม่ได้มีซี่เดียว มันมีเป็นถุง รวมๆกันประมาณ 11 ซี่ !!! หมอบอกว่าอาจเกิดจากการมีแคลเซี่ยมในร่างกาย มากเกินไป ทำให้มันเจริญเติบโตได้มาก เราก็อ๋อ เหรอคะะะ ทำไมต้องมาเป็นกับฉันด้วยวะแก ฉันแบบขอปรกติหน่อยได้มะ หมอบอกว่าถ้าจะจัดฟัน ก็ต้องเอาออกก่อน จำได้เลยว่า ตอนนั้นลมแทบจับ  ที่เอาออก คือหมอเรียงมาเป็นฟันคุดซี่ใหญ่ 1 ซี่และมีลูกฟันเล็กๆๆๆๆ เต็มไปหมด ฉีดยาชาไปประมาณ 2 3 ครั้งกว่าจะผ่าออกหมด ปวดร้าวทรมานหน้าโย้ ไปเป็นอาทิตย์เลย

แล้วสังเกตมันมีฟันที่ซ้อนอยู่ข้างใน 1 ซี่ หมอจำเป็นต้องให้เราติดเครื่องมือพิเศษ เพื่อดันฟันซี่นั้นให้ออกมาเรียงเท่ากับข้างหน้า คือไม่ได้ถอนทิ้งนะ ต้องจ่ายค่าเครื่องมือพิเศษตัวนี้อีก หลายพันอยู่ แบบอึ้มมม นี่ยังไม่ทันเริ่มไรเลยนะ หมดไปจะเป็นหมื่นแล้วววววค่ะ

พอพิมพ์ปากไป ส่งผลเข้าแลปไปประเมิน ระหว่างรอ ก็ต้องโดนแยกฟันเพื่อเตรียมจัดฟัน เพื่อนๆคงเคยเห็นการแยกฟันอ่ะเเหล่ะเนอะ  ที่เป็นยางมาขั้นฟันเราไว้ ปวดทรมานกันไปแต่ก็ต้องอดทน หลังจากนั้นเป็นเดือนถึงจะนัดมาติดเหล็กใส่เครื่องมือ

อย่างที่บอกว่าแผ่น x-ray หาย แต่ยังดีที่เก็บฟันที่พิมพ์ไว้ เลยเอามาได้ดูแทนกันได้อยู่

หลังจากนั้นก็เหมือนคนทั่วไปที่จัดฟันอ่ะ กินไม่ค่อยได้ เคี้ยวอะไรลำบาก ปวดโอดโอยสารพัด แต่ก็คิดอย่างเดียวเลยเพื่อความสวย ต้องอดทน

ขออนุญาตอัพภาพเล่าเรื่องไปเป็นปีๆหลังจากเริ่มจัดฟัน เลยนะคะ ได้ดัดก็ตอน  มหาลัย ปี 1 กำลังจะขึ้นปีสอง นี่คือเริ่มแต่งหญิงมาแล้วนะ ไม่รู้ไปเอาความมั่นใจมาจากไหน หัวก็โปกกะโหลกไขว้อยู่เลย
ปีแรกก็ยังไม่มีอะไรมาก แต่เห็นได้ชัดว่าช่วงตอนนั้นฟันเลื่อนเคลื่อนที่ไวมาก ฟันทยอยห่างเป็นรูโหว่ๆทีละช่อง กินน้ำทีไหลออกหมดเลย555 แต่มหากาพย์การจัดฟันมันเพิ่งเริ่มต้นไง

ผ่านมาช่วงเวลานึงตอนเปิดเทอมปี 2 ด้วยความเหยินมากไรมาก+กับมีเหล็กอยู่ในปาก ก็ยิ่งดูเหยินเข้าไปอีก เวลายิ้มไม่ค่อยอยากจะให้เห็นฟันเท่าไหร่ค่ะ เพื่อนๆชอบถามว่าอมอะไรอยู่ ก็จะตอบไปว่าอมฟันอยู่ไงคะ

พอมันผ่านไปเรื่อยๆ เริ่มเห็นลางความสวยมาบ้างแล้ว  (เหรอออออออ…) ตอนนั้นกำลังขึ้นปี 3 เริ่มมีการศัลยกรรมเข้ามาข้องเกี่ยวแล้วจ้า          แล้วศัลยกรมยอดฮิตทั่วบ้านทั่วเมืองที่ เดินไปทางไหนก็จะดูจะเป็นเรื่องปรกติในสังคมอีกเหมือนกัน ก็คือการทำนอ เอ้ย ทำจมูกนั้นเองงงงง

ความโชคดีหรือโชคร้ายหรืออะไรก็ไม่รู้นะ ไปเจอโปรศัลยกรรมจมูกราคา 4,000 บาท !! โอ้ยพระเจ้า ตื่นเต้นดิ เปิดดูรีวิวๆตามเว็บประมาณ 5 6 อัน ก็ตัดสินใจไปทำเลย (ยอมรับว่าตอนนั้นคิดน้อยมาก) เข้าไปคุยกับหมอ ยื่นรูปจมูกที่อยากทำทรงนู้นนี้นั้น บลาๆ หมอบอกว่าขนาดนี้อ่ะทำไม่ได้หรอก เนื้อจมูกเราน้อย ทำมากสุดก็ไม่ได้โด่งไรมาก แต่คือตอนนั้นก็ไม่ซีเรียส แอบ เห็นพี่คนข้างๆ สองสามคนเค้ามาตัดไหมก็เห็น ทรงจมูกโอเคนะเหวย ดูไม่น่าจะมีปัญหาอะไรก็เลยตัดสินใจจัดเลยค่ะหมอ วันนั้นไปหาหมอฟันก่อนด้วยนะ เพิ่งดึงเหล็กมา แบบกำลังปวดได้ที่เลย มาจัดเสริมจมูกต่อ ผลสุดท้ายคือ ปวดคูณสองซุปเปอร์แก๊งค์เลยสิคะ กินอะไรไม่ค่อยลงเป็นอาทิตย์อ่ะ ผอมโซเซเลย แม่ต้มน้ำใบบัวบก กับ น้ำมะพร้าวสด ให้กินแทนน้ำเปล่าเลยค่ะ

ขออนุญาตใส่สปอยไว้นะคะ เพราะว่า จริงๆอยากเน้นเรื่องการจัดฟันมากกว่า คือเสริมมาแล้วไม่ได้ดีเป๊ะไง แต่ให้ดูเพราะการเสริมจมูกก็คือช่วยงัดเบ้ามิติหน้าขึ้นมาได้พอสมควร

อันนี้พ่อแม่ควรแนะนำเนอะ ว่าควรให้บุตรหลานของท่านทำในเวลาอันควร เดี๋ยวนี้เห็นเด็กๆวัยรุ่นมัธยมก็จัดกันแล้ว จริงๆหมอฟันแนะนำ อยากรอให้จัดฟันเสร็จก่อน เพราะว่าเดี๋ยวโครงหน้ามันก็จะเปลี่ยนไปหลังจากจัดฟัน  แต่ก็แบบนิดนึงอ่ะ โปรโมชั่นอยู่ใกล้แค่เอื้อม  จังหวะนั้นคือกำลังมีแรงบันดาลใจในการพัฒนาร่างอยู่ด้วย

หลังจากนั้นชีวิตก็ผ่านเลยว่า เริ่มขึ้นปี 3 ฟันก็เริ่มเข้าที่มากขึ้น ผมยาวขึ้น ลองหัดแต่งหน้าซอฟๆใสๆ คือต้องบอกเลยนะคะ ว่าเครื่องสำอางค์มีส่วนช่วยให้ชีวิตดีขึ้นม๊ากกกก ประมาณ 70% ในการดำรงชีวิตเลย ต่อให้สาวแท้หรือไม่แท้ ก็คือขาดไม่ได้ เห็นอ่านกระทู้แฟนเห็นหน้าสดแล้วบอกเลิก นี่ถึงกับช๊อคไปเลยนะ แต่โชคดีเราไม่มีแฟน ข้ามไปเรื่อง การแต่งหน้าเลยละกัน อ่ะจริงๆการแต่งหน้าก็ช่วยกลบเกลื่อนจุดด้อยหลายคนได้เยอะอ่ะ ยกเว้นฟันนะ ไม่มีเครื่องสำอางค์สำหรับฟันไง 555 (ถ้าผู้ชายมันบอกชอบผู้หญิงใสๆ อย่าไปเชื่อนะคะ แต่งหน้ามาสวยๆ มันก็มองทุกคนแหล๊ะะะะ)

ช่วงปี 3 นี่เป็นช่วงที่ฟันเข้า เริ่มเห็นภาพชัด หลายคนเริ่มทักว่าสวยขึ้น เพราะจมูกเข้าที่ด้วยมั้ง แต่มีปัญหาอยู่ข้างนึงนะคะคือโดนเครื่องมือพิเศษอีกแล้วววววว T T เป็นเหมือนอะไรขึ้นมา บนฟันกรามเพื่อไม่ให้ฟันมันสบกันได้ คุณหมอบอกว่ามันจะได้ช่วยดึงได้เร็วขึ้น ตอนนั้นเรารู้สึกเหมือนกรามข้างขวามีปัญหาหรือรู้สึกกรึกๆเหมือนกรามหลุดอ่ะค่ะ บางทีพูดๆอยู่ก็กรามค้างไปเลย ไม่ได้ขำจนกรามล๊อคนะคะ 555 คือมันค้างของมันเอง เสียค่าไอตัวดามฟันไปอีกกี่พันบาทก็ไม่รู้ จำไม่ได้แล้ว

หลังจากนั้นผ่านมาถึงช่วงปี 4 ค่ะ เป็นช่วงแห่งมรสุมชีวิตเลย หายนะบังเกิดเพราะทีสิสเข้ามารุมเร้า แล้วคุณหมอก็ดันย้ายคลินิกไปแถวรามอินทรา
ไกลไปอี้กกกก…. ทำให้เราไม่ได้ไปหา ประมาณ 4-5 เดือนเลยเพราะยุ่งมาก ปัญหากรามค้างก็กลับมาอีกแล้ว เหมือนมันเริ่มสึกก็อะไรก็ไม่รู้ แถมตรงฟันซี่ที่คุณหมอดามไว้ก็เริ่มพุ พุจนต้องรักษารากฟัน !!! ก็ตามไปหาคุณหมอที่คลินิกใหม่ เล่าๆปัญหาให้ฟัง หมอก็บอกว่าให้ถอดอันนี้ออก แล้วไปรักษารากฟันให้เสร็จก่อน ถึงจะเริ่มดึงเครื่องมือต่อได้ เราเลยขอคุณหมอหาคลินิกทำแถวมหาลัยแล้วกัน เพราะช่วงนั้นก็เราปั่นป่วนทีสิสมาก บ้านยังแทบไม่ได้กลับเลย เลยลองหาคลินิกแถว มหาลัยทำดู โดนค่ารักษารากฟันกราม 1 ซี่  เป็นหมื่น ร้องไห้แบบไม่เสียดายน้ำตาเลยแกร

พอรักษารากเสร็จ ก็กลับไปหาคุณหมอที่เก่าอีกครั้ง หมอไล่ให้ไปถอนฟันคุดสองซี่ หมอจะใช้ไม้ตายสุดท้ายแล้วนะ ทำให้ฟันเข้าได้เร็วขึ้น อยากหายไปหลายเดือนเอง โดนดุยับยู่ยี่ พร้อมกับหยิบเจ้าสกรูขึ้นมา ! บอกนี่ เอาอันนี้ปักไปที่เหงือกในสุดสองข้าง เเล้วจะดึงฟันเข้าได้เร็วขึ้น ค่าเสียหายอยู่ที่ 2 ตัว หมื่นกว่าบาทอีกตามเคย ค่ารักษารากเพิ่งจ่ายไป ค่าเจ้าสกรูมหาประลัยนี่มาอีกแล้วจ้าาา…

หลังจากนั้นตั้งปณิธานอันแรง กล้าเลยค่ะ ว่าจะไปเบี้ยวนัดหมอฟันอีกแล้ว บอกคุณหมอเลย ดึงให้เต็มที่เลยนะคะ! เจ็บแค่ไหนหนูก็ทนได้ หนูอยากเอามันออกเร็วๆแล้ว หนูอยากเอามันออกสะที หนูเสียหายหลายบาทแล้ว 55555

เอาล่ะ แล้วก็เดินทางมาถึงโค้งสุดท้ายของรีวิวมหากาพย์นี้แล้วค่ะ
เป็นช่วงหลังจากที่ติดเจ้าตัวสกรู พยายามดูแลสุขภาพช่องปากให้สะอาด ทำให้ฟันค่อนข้างเลื่อนเข้าที่ได้เร็วขึ้น คิดดูว่าจากเด็กฟันล้มๆคนนึง กลับมามีฟันเรียงได้ถึงขนาดนี้ก็แฮปปี้แล้วค่ะ
ช่วงตอนรับปริญญาก็ฟันเข้าไปเยอะแล้ว เป็นความไฝ่ฝันอย่างหนึ่งเลยตอนนั้น
คิดว่าจะมีโมเม้นต์สวยๆก่อนรับปริญญา อยากจะเอาเหล็กออกก็ไม่ทันค่ะ 5555
สิ่งที่ลูกชายเป็นตุ๊ดจะตอบแทนพ่อแม่ได้ ถ้าไม่ใช่การบวช ก็เป็นการประสบความสำเร็จในชีวิตไป 1 ก้าวนี่แหล่ะค่ะ
ภูมิใจหนูล้มแล้วหนูลุกได้ละนะแม่จ๋า

โอ้โหคนในกระจกนั้นมันช่างกับ 5 ปีก่อนนัก
แล้วก็วันที่มาเอาเหล็กออกเสียที  หลังจากที่ปรึกษากับคุณหมอแล้ว การจัดฟันของเราก็มาถึงการสิ้นสุดลง เข้าไปมากกว่านี้ก็ไม่ได้แล้วแหล่ะจ้า ต่อจากนี้ต้องเป็นหน้าที่ของคุณหมอเหงือก คุณหมอแต่งฟัน รับช่วงต่อ

เสร็จเรียบร้อยก็ชำระเงินเสียยกสุดท้าย ค่าพิมพ์รีเทรนเนอร์ กับค่าขูดหินปูน 5,000 บาท ซึ่งคุณหมอที่จัดฟันเราแนะนำให้อุดฟันหน้าให้เท่ากัน แต่พอปรึกษากับคุณหมออุดฟัน เค้าก็ไม่แนะนำให้ทำเพราะว่ามันจะเเตกง่าย ฟันหน้ามันกระทบฟันล่าง หรือเวลาเคี้ยวอะไรแข็งๆถ้าไม่ระวังก็แตกได้แน่ๆ หมอจึงแนะนำให้ขูดหินปูนและไปพิมพ์ฟันก่อน

หลังจากนั้นก็แนะนำให้มาฟอกสีฟัน ในราคาเบาๆ 9,000 บาท และแนะนำให้ทำวีเนียร์ 4 ซี่หน้าเพื่อแต่งฟันให้ดูเป็นธรรมชาติ ในราคาซี่ละ 8,000 – 12,000 บาท อู้วแม่เจ้า ช๊อคคูณ 4 มันเท่ากับเท่าไหร่นะ หื้มมมม  เลยตัดสินใจว่ายังไม่ใช่ตอนนี้ดีกว่าค่ะ แต่สิ้นเดือนจะเข้าไปฟอกฟันก่อนเนอะ ส่วนเรื่องวีเนียร์ต้องขอกลับไปคิด ไปเก็บตังเพิ่มก่อน เพราะว่าก็มีแพลนอยากทำอย่างอื่นเหมือนกัน

สรุปจัดฟันมาทั้งหมด 5 ปีกว่า หมดไปก็เกินครึ่งแสน ถ้าทำวีเนียร์ราคาร่วมๆจัดฟันครั้งนี้ก็ทะลุแสนไปเลย
หวังว่ารีวิวนี้จะเป็นการประกอบการตัดสินใจของใครหลายๆคนที่คิดกำลังจะไปจัดฟัน หรือ คุณพ่อคุณแม่ที่กำลังจะพาลูกไปจัดฟันนะคะ แนะนำค่ะ ถ้ามันเป็นปัญหาระยะยาว ถ้าพ่อแม่พอจะมีทุนทรัพทย์ก็พาลูกไปทำเถิดค่ะ
เเต่ลองให้เค้าช่วยหารายได้พิเศษมาช่วยจ่ายช่วยผ่อนจ่ายรายเดือน เป็นการช่วยให้ลูกๆได้แบ่งเบาภาระพ่อแม่ก็ดีนะคะ ส่วนคนที่โตแล้ว ถ้ามีโอกาสหรืออยากทำก็เข้าไปปรึกษาทัตนแพทย์ใกล้บ้านคุณดูก็ได้ อย่าอายที่ว่าแก่แล้วยังมีเหล็กในปากเลยค่ะ ดีกว่าแก่แล้วมีปัญหาในช่องปากทั้งฟันคุด ฟันเก ฟันทับซ้อนซ่อนเงื่อนเหมือนหนูนะคะ

สุดท้ายนี้อยากจะบอกว่า การที่เราลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตัวเองไม่จำเป็นต้องทำเพื่อใครเลยค่ะ ทำเพื่อตัวเราเองก่อนเลยอันดับแรก และทำเท่าที่เราทำไหวนะคะ อย่าไปรบกวนผู้ปกครองจนเกินจำเป็น การตัดสินใจจัดฟันครั้งนี้มันทำให้เรารู้ว่าของบางอย่างมันต้องใช้เวลา และมันไม่มีอะไรที่เราได้มาง่ายๆ
โชคดีที่เรายังไม่เป็นถึงขนาดคนเข้าประกวด Let me in ฟันกรามล่างยื่นมาก หรืออะไรขนาดนั้น แต่จัดฟันกับเสริมจมูกง๊อกแง๊กๆอันนึงก็พอจะช่วยได้บ้าง ยังไม่เคยเพิ่งเข็มจิ้ม botox filler อะไรทั้งสิ้น พอฟันมันเข้าที่หน้ามันก็เข้าที่ขึ้นจริง แต่แค่นั้นสำหรับเรามันคงไม่พอ ต้องใช้เมคอัพเข้าไปเติมแต่งบางจุดด้วย ก็ทำให้เราดูเป๊ะขึ้นได้ค่ะ (ขาดไม่ได้เลยถ้าโลกนี้ไม่มีเครื่องสำอางค์) ขอบคุณมรดกผมแข็งแรงที่คุณพ่อคุณแม่มอบมาเป็นต้นทุนให้ กับขนคิ้วดกดำที่ไม่ต้องไปสักหกมิตินะคะ (เพื่อนผู้หญิงหลายคนมีปัญหาจุดนี้ ล้างแล้วเอ้ย ยูคิ้วน้าาาาา คิ้วหายอ่ะ)

ส่วนใครที่เคยผ่านประสบการณ์งัดขากรรไกรบน ก็นำมาแชร์ได้นะคะ อยากเก็บไว้ศึกษาเพื่อประกอบการตัดสินใจในอนาคต เคยเห็นกระทู้รีวิวนึง ที่ไปทำที่ รพ.รัฐ มาแล้วแบบโอ้โห สะพรึงมาก แอบมีความสนใจอยู่เหมือนกันค่ะ

ที่สำคัญที่สุดเลยก็คือ ขอบคุณตัวเองที่กล้าจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง ทำในสิ่งที่รักและสิ่งที่ชอบโดยไม่ได้เดือดร้อนใครนะคะ และยังไงเราก็จะพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆแน่นอนค่ะ และหวังว่าจะมีกล้าตัดสินใจออกมาพัฒนาตัวเองเหมือนเรานะคะ^^
ป.ล.เก็บตังทำวีเนียแป๊ป

ที่มา : สมาชิกหมายเลข 2967864