โอ๊ค – นายพานทองแท้ ชินวัตร เขียนเผยแพร่ในเฟชบุ้คส่วนตัว เวลา 19.15 น.วันที่ 1 เมษายน 2561
Oak Panthongtae Shinawatra
วันก่อนมีคนส่งรูปเช็ค 2 ฉบับและใบนำฝากของธนาคาร มาให้ผมดูครับ
ผมลองเอาไปให้ใครดู ต่างก็ร้อง “เฮ้ย..จริงดิ” ทุกคนไป
ผมจึงอยากให้สังคมช่วยกันตรวจสอบ และช่วยกันกระตุ้นให้หน่วยงานของรัฐ ทั้ง ปปง. และ ดีเอสไอ ตลอดจนผู้มีอำนาจในรัฐบาล ช่วยออกมายืนยันว่า รูปถ่ายเช็คดังกล่าว เป็นของจริงหรือไม่?
หากว่าจริง เหตุใดทั้ง ปปง. และ ดีเอสไอ จึงไม่มีการดำเนินคดีกับผู้ที่มีชื่อรับผลประโยชน์ เพราะคนที่ส่งรูปมาให้นั้นยืนยันว่า ทั้ง 2 หน่วยงาน ต่างก็มีหลักฐานเดียวกันนี้เก็บไว้ทั้งคู่ แต่ไม่เคยมีใครยอมปริปาก..!!
เช็ค 2 ฉบับนี้ ได้สั่งจ่ายเงินเข้าบัญชีคนดังระดับประเทศ และเป็นเงินก้อนเดียวกันกับที่ดีเอสไอกำลังเอาเรื่องพานทองแท้ ข้อหาฟอกเงินในคดีเงินกู้แบงค์กรุงไทย อยู่ ณ เวลานี้
ลองดูรายละเอียดในรูป โดยผมจะขอสรุปให้สั้นๆ ดังนี้นะครับ
>>เช็คฉบับที่ 1<<
เป็นเช็คสั่งจ่ายโดยระบุชื่อ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ จำนวนเงิน 250,000 บาท มีลายเซ็น พล.อ.เปรมฯ เซ็นชื่อกำชับแบบชัดๆว่า ให้นำเงินก้อนนี้ไปฝากเข้าบัญชีมูลนิธิของตัวเอง…โอ้ววว..!!
>>เช็คฉบับที่ 2<<
เป็นเช็คสั่งจ่ายเงินสด ซึ่งเช็คใบนี้ถูกนำไปเข้าบัญชี พล.ร.ท.พระจุณณ์ ตามประทีป นายทหารคนสนิท ของพล.อ.เปรมฯ โดยมีเลขที่เช็คมันส์สุดติ่ง คือหมายเลข 2724851 ซึ่งติดกับเลขที่เช็คที่สั่งจ่ายให้ผม คือหมายเลข 2724852 ลงวันที่สั่งจ่ายวันเดียวกันเป๊ะ…เยสสส..!!
ที่สำคัญเช็คทั้ง 2 ฉบับนี้หนักกว่าเรื่องที่ดีเอสไอตั้งขึ้นมาเพื่อเอาผิดผมเยอะ เนื่องจากเช็คที่ถูกตีมาเพื่อเข้าบัญชีผมนั้น ได้ถูกยกเลิกในวันเดียวกัน และสามารถแสดงหลักฐานได้ว่าเงินทั้งหมด ได้ถูกนำไปคืนทุกบาททุกสตางค์ และคืนไปตั้งแต่เมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว มีหลักฐานทางธุรกรรมฯชัดเจน
ส่วนเงินที่โอนเข้า 2 บัญชีนี้ อย่าว่าแต่จะนำมาคืนเลย เงินที่บอกว่าได้มาจากการกระทำความผิดนี้ ถูกนำไปใช้สอยอย่างสบายใจ ไร้การตรวจสอบ โดยผ่านมา 10 กว่าปี ยังไม่ปรากฏร่องรอยการคืนเงินให้เห็นแม้แต่บาทเดียว
เงินก้อนเดียวกัน ส่วนหนึ่งโอนเข้าบัญชีผม ซึ่งได้โอนคืนกลับหมดแล้ว ถูกกล่าวหาว่ามีความผิด แต่เงินอีกส่วนหนึ่งโอนเข้าบัญชีคนอื่น ถูกนำไปจับจ่ายใช้สอยอย่างสบายใจ กลับปราศจากความผิดใดๆ แบบนี้คงไม่มีใครยอมแน่ครับ
ทนายของผมได้ส่งข้อมูลหลักฐานของเช็คทั้ง 2 ฉบับนี้ และข้อมูลอื่นๆ เป็นจดหมายลงทะเบียน ไปถึงคณะกรรมการของดีเอสไอที่มีหน้าที่พิจารณาคดีนี้เป็นรายบุคคลแล้วนะครับ จึงถือว่าทุกท่านได้รับทราบข้อผิดสังเกต และได้ทราบประเด็นที่ไม่ชอบมาพากลไปแล้ว
หลังจากนี้ถ้ามีการกระทำอะไรที่เป็นสองมาตรฐาน และไม่ให้ความเป็นธรรมกับผมอีก ผมคงต้องขอสงวนสิทธิ์ในการปกป้องตัวเองจนถึงที่สุด ในทุกตัวบทกฎหมาย ตลอดอายุความที่สามารถจะกระทำได้
จะหาเรื่องเอาคนอื่นเข้าคุก โดยที่เขาไม่ได้กระทำความผิด เล่นกันแรงแบบนี้ คงไม่มีใครปล่อยให้ Free Kick กันง่ายๆครับ
จ่อมาเมื่อเย็นวันที่ 2 เมษายน 2561 พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แถลงแก่ผู้สื่อข่าว ว่”ในชั้นสอบสวน ดีเอสไอได้ตรวจสอบเงินที่ นายวิชัย กฤษดาธานนท์ ผู้บริหารเครือกฤษดามหานคร สั่งจ่ายไปยังบุคคลต่างๆ รวมถึงสอบสวนกรณีที่หลายฝ่ายเข้ายื่นหนังสือให้ดีเอสไอตรวจสอบบุคคลที่มีชื่อรับเช็ค ในส่วนที่มีมูลหนี้ต่อกันจริงๆ เช่น ชำระค่าที่ดิน ดีเอสไอก็ไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหากับผู้รับเช็ค ทั้งนี้ยืนยันว่า ดีเอสไอได้ตรวจสอบครบถ้วนทุกราย แต่ไม่สามารถเปิดเผยผลการตรวจสอบได้ เพราะเป็นรายละเอียดในสำนวน”
matemnews.com
2 เมษายน 2561