พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. แถลงแก่ผู้สื่อข่าวที่ สจช.เมื่อบ่าย 5 เมษายน 2561 ว่า อำนาจการฟ้องหรือไม่ฟ้อง นายเปรมชัย กรรณสูต ใน 5 ข้อหาที่ตำรวจส่งไป เป็นอำนาจของพนักงานอัยการ ต้องเคารพในอำนาจหน้าที่ของท่าน เมื่ออัยการมีหนังสือถามความเห็นจากพนักงานสอบสวนก็ต้องกราบเรียนไปในแนวทางเดิมที่สั่งฟ้องไปทุกข้อหา แต่ขณะนี้อัยการภาค 7 ยังไม่ได้ส่งความเห็นมา คาดว่าประมาณสัปดาห์หน้า เมื่อความเห็นจากอัยการมาถึงก็จะเรียกประชุมแนวทางที่ตำรวจเห็นแย้ง เชื่อว่าใช้เวลาไม่นานก็สามารถลงความเห็นได้ กรอบระยะเวลาก็ตามอายุความ เมื่อวานได้พูดคุยกับ พล.ต.ต.ทรงธรรม อัลภาชน์ รอง ผบช.ภ.7 เรียบร้อยแล้ว เมื่อทำความเห็นเสร็จก็ส่งกลับไปที่อัยการภาค 7 หลักจากนั้นอัยการภาค 7 ก็จะส่งไปที่อัยการสูงสุดเอง ยืนยันว่าตำรวจไม่ได้มีความขัดแย้งกับอัยการ การลงความเห็นต่างเป็นเรื่องปกติเพราะเป็นหน้าที่ เป็นความเห็นทางอาญา ตำรวจเห็นแย้งทุกข้อหาที่ไม่สั่งฟ้อง เช่น เรื่องพยายามล่าสัตว์ที่สั่งฟ้องนายธานี ทุมมาศ แต่ไม่สั่งฟ้องคนอื่น นายธานีเอาปืนของนายเปรมชัยไปยิง ถ้าไม่ผิดก็มีต้องมีความผิดฐานสนับสนุน แต่การเข้าไปหรือพาอาวุธปืนเข้าไป นายวิเชียร ชิณวงษ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฯ ไม่มีอำนาจในการอนุญาต การอนุญาตเป็นอำนาจเขตบ้านโป่ง หรือผู้อำนวยการสำนักใน กทม. ทางกรมยืนยันมาแบบนี้ ประกอบกับกรณีนี้รัฐเสียหาย ค่าธรรมเนียมไม่ได้เก็บ เหตุที่แย้งส่วนใหญ่ อยากจะกราบเรียนว่าทุกสิ่งทุกอย่างเมื่อมีข้อหาตามกฎหมาย ถ้าตนทำทองไม่รู้ร้อน เดี๋ยวตนก็จะโดนว่าอีก ต้นเหตุคือเงิน 110 บาท ค่าเข้าอุทยานฯ หรือไม่นั้น พวกคุณคิดเอาเองแล้วกัน ถ้าไม่เข้าไป มันจะล่าสัตว์ได้หรือเปล่า ทุกอย่างควรสิ้นสุดที่ศาล เพราะรัฐเสียหาย ส่วนบางข้อหาที่ไม่มีบทกำหนดโทษในคดีอาญา อัยการเรียกค่าเสียหายทางแพ่งประมาณ 4 แสนกว่าบาท โดยเฉพาะเสือดำ แต่ความเสียหายในระบบนิเวศ เรื่องนี้ปรึกษากับพนักงานสอบสวนและทางกรมอุทยานฯ แล้ว ส่วนสำนวนเกี่ยวกับอาวุธปืน ติดสินบนเจ้าพนักงาน ครอบครองงาช้างผิดกฎหมาย ส่งให้พนักงานอัยการไปหมดแล้ว มั่นใจทุกสำนวน ถ้าไม่มั่นใจก็ไม่ส่งไปตั้งแต่ต้น หลักฐานพอมีก็ต้องฟ้องเห็นควรจะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมทุกข้อหา
matemnews.com 5 เมษายน 2561
