ณ โพเดียม ห้องโถงชั้นล่าง ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล ในการแถลงข่าวแก่สื่อมวลชนหลังการประชุมครม. เมื่อบ่ายวันที่ 10 เมษายน 2561 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พูดยาวมากถึงการจะตั้งพรรคการเมืองของ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป้าหมายสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีต่อหลังเลือกตั้ง โดยจะให้มีตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาพรรค ว่า
“วันนี้เขาหารือกันอยู่ ก็ให้เขาหารือกันไป ก็ยังไม่เกิดความชัดเจนเกิดขึ้น และถ้าเขาตั้งพรรคขึ้นมาวันข้างหน้าก็ต้องไปดูว่าพรรคไหนเป็นอย่างไร เราควรจะสนับสนุนหรือเปล่า หรือจะสนับสนุนพรรคไหนอย่างไร แต่วันนี้เค้ายังไม่มาเชิญสักคนเลยเขาก็คุยกันอยู่ละมั้ง ผมเห็นเขาคุยกันอยู่ แต่เขายังไม่พูดอะไรกับผม และยังไม่มีการทาบทาม แต่ถ้ามีการทาบทามก็ต้องขอคิดดูก่อน ผมบอกแล้วว่าผมจะต้องพิจารณาใคร่ครวญอีกที ว่ามีความเหมาะสมหรือไม่ นโยบายของพรรคตรงกับที่ผมได้ทำมาแล้วหรือเปล่า มีอะไรที่เปลี่ยนแปลงและดีขึ้นหรือไม่ เพราะถึงอย่างไรผมก็ต้องไปเลือกตั้งเหมือนกับคนอื่นเขาเช่นกัน เพราะฉะนั้นถ้าพรรคนี้ดี ผมก็จะเลือกพรรคนี้ จะสนับสนุนพรรคไหนที่ดี แล้วเขามาขอให้ผมไปช่วย ผมก็จะพิจารณา ส่วนจะดีหรือจะเสียผมก็ยังไม่รู้เลย วันนี้ยังไม่ได้รับ แล้วจะไปปฏิเสธยังได้อย่างไร ถึงวันนี้ยังไม่มีใครมาเชิญ และวันนี้ยังไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ว่าจะพูดคุยอะไรกันได้หรือเปล่า เพราะมีหลายพรรคก็บอกว่าจะไม่มาคุยแล้ว จะเลือกตั้งท่าเดียว เมื่อไม่มาคุยแล้วจะเลือกตั้งได้อย่างไร ต้องมาคุยกันก่อน ที่หลายพรรคการเมืองไม่อยากมาคุย เพราะเกรงการผูกมัด จะไปผูกมัดอะไร ผมไม่ได้เชิญมาพูดคุยเพื่อให้แสดงความเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย แต่ต้องการให้มาพูดคุยว่าจะทำอย่างไรให้กับประเทศ ผมก็จะฟังว่าเขาจะพูดอะไร จะประกาศความชัดเจนของตัวเองเมื่อไหร่ ก็คงใกล้ที่จะเลือกตั้งละมั้ง เพราะผมเองไปเป็น ส.ส.ไม่ได้อยู่แล้ว เมื่อเริ่มมีการพูดคุยผมก็คงมีความชัดเจน ว่าจะเอาอย่างไรต่อไป ก็ไม่รู้ จะเป็นที่ปรึกษาพรรค หรือเป็นสมาชิกพรรค แต่ทุกคนก็ต้องเป็นสมาชิกพรรค เมื่อถึงวันที่ต้องตัดสินใจ เมื่อเขาเสนอมาผมก็ต้องดูว่าเขาจะมาขอให้ไปทำหน้าที่อะไร เพราะให้ไปสมัครเป็น ส.ส.ก็ไปไม่ได้ ถ้าจะให้สมัครเป็นอย่างอื่นก็ต้องดูว่าที่เสนอมานั้นมีความเหมาะสมหรือไม่ ที่ผมจะไปช่วยงานเขา แล้วมีใครรับรองได้หรือไม่ว่าเมื่อผมไปอยู่พรรคการเมืองไหนแล้วพรรคนั้นจะชนะ”
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในการเลือกนายกรัฐมนตรีในรัฐสภา เพื่อความสง่างามท่านเห็นว่า ควรให้ ส.ส.เป็นผู้เสนอชื่อ หรือควรให้ ส.ว.เสนอชื่อนายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ ตอบว่า
“ก็ต้องเป็นไปตามรัฐธรรมนูญที่เขียนไว้ ถ้าตั้งได้โดยการเสนอชื่อจาก ส.ส.ก็เป็นเรื่องดีมิใช่หรือ แต่ถ้าขัดแย้งกันมากๆ ตั้งนายกฯ ไม่ได้ไม่ยอมกัน ก็ต้องเอาคนนอกมา ใครก็ได้ ก็ไปเลือกมา”
นักข่าวบอกว่าตอนนี้มีชื่อพลเอกประยุทธ์คนเดียว พลเอกประยุทธ์ตอบทันทีว่า
“สื่อเป็นคนทำให้ฉันดังเอง ก็ลองยกชื่อคนอื่นเข้ามาเป็นนายกฯ คนนอกบ้าง คนอื่นก็ไม่รู้เหมือนกันยังนึกไม่ออก ตัวเองยังไม่ได้นึก
นักข่าวถามว่า ถึงวันนี้ท่านไม่รังเกียจการเมืองแล้วใช่หรือไม่ ตอบว่า
“ผมเคยรังเกียจใครที่ไหน ผมไม่ได้รังเกียจการเมือง ผมเพียงแต่รังเกียจการเมืองที่ไม่สุจริต ไม่มีธรรมาภิบาล ผมรังเกียจการเมืองที่สร้างความขัดแย้ง พอใจกันหรือยัง หรืออยากจะให้เป็นเหมือนเมื่อปี 2557 หรืออย่างไร ดังนั้นเมื่อเราไม่พอใจการเมืองแบบนั้น ก็ต้องไปเลือกกันแบบใหม่ ส่วนจะเลือกใครก็ตามสะดวกพวกท่านเถอะ แต่ถ้าผมลงไปอยู่ด้วยตรงนี้ มีใครรับประกันได้บ้างว่าผมจะได้ ก็ไม่มีใครรู้ว่ามันคุ้มค่าหรือเปล่า มันคุ้มค่ากับประเทศชาติและคุ้มค่ากับตัวผมหรือไม่ ซึ่งความคุ้มค่าของผมหมายถึง จะได้ทำงานของผมก็แค่นั้นเอง จะไปคิดอะไรมาก มันเป็นทั้งชะตากำและชะตาแบ ที่สื่อถามแบบนี้จะเอาให้ได้กันหรืออย่างไร ส่วนการลงพื้นที่ของผมที่มีคนวิจารณ์ว่าหาเสียง ก็ต้องลงพื้นที่อยู่แล้ว สื่ออย่าไปให้ความสำคัญกับคนที่มองว่าเป็นการหาเสียง ผมต้องการจะลงพื้นที่ไปในทุกจังหวัด ตั้งใจไว้ว่าก่อนจะหมดหน้าที่จะลงพื้นที่ไปในทุกจังหวัดและทุกกลุ่มจังหวัดให้ได้มากที่สุดแค่นั้นเอง เพียงแต่มาตรงกับช่วงเวลาของโรดแมปพอดี แล้วจะให้ผมไปทำในตอนไหน ผมก็อยากลงไปพบประ ชาชนในทุกพื้นที่ และการลงไปก็ไม่ได้ฟังเพียงแต่ส่วนราชการเพียงอย่างเดียว ได้ไปแอบฟังประชาชนพูดบ้าง และถามในสิ่งที่ประชาชนอยากจะพูด แม้บางครั้งจะไม่ได้พูดโดยตรง ก็ส่งเป็นคลิปหรือเอสเอ็มเอสมา ผมก็นำข้อมูลไปซักไซ้ไล่เลียง ไม่ใช่ว่าทางราชการเสนออะไรมาก็ฟังอย่างเดียว ผมก็ต้องฟังทั้งสองฝ่าย การที่นายกฯลงพื้นที่ไม่ใช่ฟังแต่สิ่งดีๆ สิ่งไม่ดีก็เจอและนำมาแก้ไข”
matemnews.com 10 เมษายน 2561