เมื่อบ่ายวันที่ 14 เมษายน 2561 ตามเวลาไทย ฝ่ายสหรัฐอเมริกา พร้อมพันธมิตร ฝรั่งเศส อังกฤษ ได้ใช้อาวุธหนักเข้าถล่มที่ตั้งทางทหารของรัฐบาลประธานาธฺบดี “อัล อัดซาด” แห่งประเทศซีเรีย ตอบโต้ที่ใช้อาวุธเคมีโจมตีพลเรือนชาวเคิร์ด ตายหลายร้อยคน
ประเทศไทยตอนบ่าย นายปณิธาน วัฒนายากร ที่ปรึกษา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและรมว.กลาโหม แถลงแก่ผู้สื่อข่าวว่า กระทรวงกลาโหมไทยได้ติดตามดูสถานการณ์ พล.อ.ประวิตร ได้ตั้งเจ้าหน้าที่ชุดติดตามสถานการณ์และความเคลื่อนไหวในเรื่องของความมั่นคงทั่วไป เรามีข้อมูลของเราเอง รวมทั้งรับข้อมูลจากมิตรประเทศ เพื่อนำมาวิเคราะห์ว่าจะเกิดผลกระทบต่อคนไทยหรือไม่ พร้อมกับมีการประเมินแนวโน้มของความรุนแรงเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นระยะ ในความรุนแรงขั้นต้นยังไม่มีรายงานว่าจะเกิดการปะทุความรุนแรงมากขึ้น เพราะในประเทศซีเรียมีกองกำลังของทหารสหรัฐอเมริกาประมาณ 2,000-3,000 คน และคงใช้วิธีการโจมตีทางอากาศโดยทิ้งระเบิดไปใกล้กับจุดเก็บอาวุธเคมี ซึ่งที่มีความเป็นห่วงก็ คือ กรุงดามัสกัส ส่วนผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในภูมิภาคเอเชียนั้น คิดว่ายังไม่มี แต่เราก็ไม่ประมาทและต้องเฝ้าระวัง เพราะก็ทราบกันดีว่า ประเทศซีเรียได้รับการสนับสนุนจากประเทศรัสเซีย อีกทั้งประเทศจีนก็มีความใกล้ชิดกับประเทศรัสเซีย อย่างไรก็ตาม เราก็ต้องรอดูในเวทีสหประชาชาติว่าจะมีการพูดคุยในเรื่องนี้อย่างไร ส่วนที่มีความเป็นห่วงว่า อาจจะเกิดสงครามครั้งใหญ่ หรือสงครามเย็นนั้น คิดว่าไม่น่าจะเป็นแบบนั้น แต่ในส่วนของความตึงเครียดของสถานการณ์มีขึ้นแน่นอน แต่จะมีผลกระทบกับฝั่งยุโรปตะวันออก มากกว่าฝั่งเอเชีย และประเทศไทย ตอนนี้ยังไม่มีปัญหาอะไร แต่เราก็ต้องดูให้ดี เพราะจุดยืนของประเทศไทยนั้นอยู่ตรงกลาง ในการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐอเมริกา ที่อาคารเพนตากอน โดยพล.อ.ประวิตร จะไปร่วมประชุมในระหว่างวันที่ 21-26 เม.ย.2561 กำหนดการยังคงเป็นไปตามเดิม
matemnews.com
14 เมษายน 2561