พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกฯ แถลงแก่ผู้สื่อข่าวเมื่อวันที่ 21 เมษายน 2561 ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงความวิตกกังวลเกี่ยวกับการผูกขาดทางการค้า หลังจากที่อาลีบาบา กรุ๊ป ได้ลงนามความร่วมมือกับรัฐบาลไทยในโครงการ Smart Digital Hub พื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ว่า เข้าใจดีถึงข้อห่วงใยของนักธุรกิจและประชาชน แต่อยากให้เปิดใจกว้างมองอย่างรอบด้าน โดยเฉพาะสิ่งดีๆ ที่ไทยจะได้รับ โดยยืนยันว่า รัฐบาลยึดหลักผลประโยชน์ร่วมกัน และคำนึงถึงประเทศชาติเป็นสำคัญ
“นายกฯ ได้กำชับให้ฝ่ายเศรษฐกิจพิจารณาเรื่องสิทธิประโยชน์ของนักลงทุนต่างชาติอย่างเหมาะสม โดยต้องไม่ให้กระทบต่อนักลงทุนไทย ควบคุมดูแลสินค้านำเข้าเพื่อปกป้องผู้ประกอบการ SMEs ในประเทศ ขณะเดียวกันรัฐบาลก็ให้โอกาสนักลงทุนรายอื่นเข้ามาแข่งขัน เพื่อสร้างความสมดุลในระบบเศรษฐกิจด้วย”
พล.ท.สรรเสริญ กล่าวต่อว่า นายกรัฐมนตรีย้ำว่า ทางอาลีบาบาได้ประกาศชัดเจนว่าต้องการสร้างความสามารถให้ธุรกิจและคนรุ่นใหม่ของประเทศที่ไปลงทุนนั้นประสบความสำเร็จ โดยไม่ต้องการทำสงครามทางการค้า เพราะเชื่อมั่นในการแข่งขันเสรี ขณะนี้มีสินค้าของไทยหลายรายการที่ชาวจีนชื่นชอบมาก เช่น ข้าวหอมมะลิ ทุเรียน และผลไม้ต่างๆ เมื่อเข้าสู่ระบบการขายแบบอีคอมเมิร์ซ ก็ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคจนขายหมดอย่างรวดเร็ว
ทั้งนี้ ที่ผ่านมา ไทยเราไม่มีการลงทุนขนาดใหญ่ใดๆ นับตั้งแต่การก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิ ดังนั้น วันนี้ EEC จึงเป็นจุดขายของไทยในการดึงดูดการลงทุนใหม่ๆ เพื่อยกระดับเศรษฐกิจของประเทศให้ก้าวขึ้นไปอีกขั้น เช่นเดียวกับหลายประเทศที่ประสบความสำเร็จจากการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษมาแล้วอย่างเช่น จีน ส่วนประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน ทั้งเมียนมา กัมพูชา ลาว เวียดนาม มาเลเซีย ก็ล้วนมีเขตเศรษฐกิจพิเศษเช่นกัน
“นายกฯ แนะให้นักธุรกิจไทยปรับตัวรองรับการแข่งขัน อย่ามองว่าเป็นอุปสรรค แต่ควรมองเป็นความท้าทาย เพราะคนไทยมีศักยภาพไม่แพ้ใครในโลก โดยรัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุนตามแนวทางไทยแลนด์ 4.0 และเปิดโอกาสให้เข้ามามีส่วนร่วมในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับนักลงทุนต่างชาติ เพื่อนำกลับไปพัฒนาธุรกิจของตนอย่างเต็มที่”
matemnews.com
21 เมษายน 2561