เฟชบุ้ค Wassana Nanuam รายงาน
ไม่ได้หาเสียง แต่เพื่อความสุขของคนไทย
“บิ๊กป้อม” ยัน “ผมไม่ใช่ฮีโร่” ทำให้9ภาคเอกชนผนึกกำลัง ลงขัน ให้คนไทย ได้ดู”ฟุตบอลโลก2018″ ได้ลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด 3 ช่อง ครบทั้ง 64 แมตช์ เผย อยากให้ประชาชนมีความสุข ขอแค่อย่าเล่นพนัน ยัน ไม่ได้ทำเพื่อหาเสียงให้รัฐบาลคสช.
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และประธานคณะกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทย เป็นประธานแถลงข่าว “ประเทศไทยเซ็นสัญญาคว้าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018” ซึ่งจะจัดการแข่งขันขึ้นระหว่างวันที่ 14 มิ.ย.-15 ก.ค. นี้ ที่ประเทศรัสเซีย
โดยความสำเร็จในครั้งนี้เกิดจากการผนึกกำลังร่วมกันระหว่างภาครัฐบาล นำโดย กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และการกีฬาแห่งประเทศไทย ร่วมด้วยภาคเอกชน 9 องค์กร ได้แก่ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด(มหาชน), บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน), บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด, บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด(มหาชน), ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน), บริษัท คิง เพาเวอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด, บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน), บริษัท บางจากคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และ บริษัท คาราบาวตะวันแดง จำกัด
พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “ในฐานะรัฐบาล เรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะประกาศให้ประชาชนชาวไทยได้ทราบว่า ขณะนี้การเซ็นสัญญาคว้าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 กับสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (FIFA) ผ่านทาง บริษัท อินฟรอนท์ สปอร์ต แอนด์ มีเดีย ผู้ถือลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกในภูมิภาคเอเชีย ได้สำเร็จเป็นที่เรียบร้อย
ต้องขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่ร่วมแรงร่วมใจกันทำให้การเซ็นสัญญาครั้งนี้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี
ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และการกีฬาแห่งประเทศไทย ในฐานะภาครัฐที่เป็นผู้ริเริ่มนโยบาย และเป็นคนกลางคอยประสานงาน รวมถึงภาคเอกชนทั้ง 9 องค์กร ที่ร่วมแรงร่วมใจและร่วมลงทุนในครั้งนี้
ซึ่งการเจรจาที่ผ่านมา มีความล่าช้าไปเล็กน้อย เนื่องจาก คิงเพาเวอร์ ซึ่งได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้แทนเจรจาในตอนต้น เพิ่งได้รับแจ้งถึงนโยบายข้อกำหนดของฟีฟ่าว่า จะเจรจาและลงนามในสัญญาเฉพาะกับบริษัทผู้ประกอบธุรกิจบรอดแคสติ้งเท่านั้น ซึ่งในเวลาที่กระชั้นชิด เพื่อให้ฟีฟ่าอนุมัติได้รวดเร็วจะต้องเป็นผู้ที่มีประสบการณ์การถ่ายทอดสดการแข่งขันกีฬาระดับโลก
จึงต้องประสานให้ บริษัท ทรูวิชั่นส์ กรุ๊ป จำกัด เป็นตัวแทนประเทศไทยในการเจราจา และลงนามในสัญญา เพื่อให้คนไทยทั้งประเทศสามารถรับชมการแข่งขันกีฬาฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ในโลกรายการนี้ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายตั้งแต่รอบแรกจนถึงรอบชิงชนะเลิศ ครบทั้ง 64 แมตช์
โดยสามารถรับชมการถ่ายทอดสดผ่านทาง ทรูโฟร์ยู ช่อง24, อัมรินทร์ ทีวี ช่อง 34 และช่อง 5
ทั้งนี้ขอให้ประชาชนชาวไทยมั่นใจได้ว่า จะได้สนุกและมีความสุขกับการรับชมมหกรรมฟุตบอลโลกในปีนี้ฟรี! ครบทั้ง 64 แมตซ์อย่างแน่นอน
เมื่อถามว่า ถือว่าท่านเป็นฮีโร่ หรือไม่ที่ทำให้คนไทยได้ดูถ่ายทอดสด ฟุตบอลโลกด้วยการเจรจากับภาคเอกชน. พลเอกประวิตร กล่าวว่า ไม่ใช่ ผมไม่ใช่ฮีโร่ แต่ทุกคนช่วยกันต่างหาก
โดยภาคเอกชน ร่วมกันจ่ายรายละ ราว 200ล้านบาท
พลเอกประวิตร กล่าวว่า ที่ทำทั้งหมดนี้ก็อยากให้คนไทยมีความสุขในการได้ดู football ได้ดูกีฬาที่ชื่นชอบยืนยันว่าไม่ได้ทำเพื่อหาเสียงให้กับรัฐบาลคสช. เพราะเราทำเรื่องนี้กันมานานแล้ว
ทั้งนี้ ขอร้องประชาชนว่า ชมถ่ายทอดสดบอลโลกแล้ว ก็อย่าเล่นการพนันก็แล้วกัน
ส่วนรายละเอียดในเรื่องภาพลิขสิทธิ์หรือการนำภาพไปเสนอข่าวของช่องอื่นๆนั้นก็จะมีรายละเอียด ที่มีการคุยกันในภายหลัง
สำหรับ 32 ทีมที่ผ่านเข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 มีดังนี้ กลุ่ม A : รัสเซีย(เจ้าภาพ) , ซาอุดิอาระเบีย, อียิปต์ , อุรุกวัย / กลุ่ม B : โปรตุเกส , สเปน , โมร็อคโก , อิหร่าน / กลุ่ม C : ฝรั่งเศส , ออสเตรเลีย , เปรู , เดนมาร์ค / กลุ่ม D : อาร์เจนติน่า , ไอซ์แลนด์ , โครเอเชีย , ไนจีเรีย / กลุ่ม E : บราซิล , สวิตเซอร์แลนด์ , คอสตาริก้า , เซอร์เบีย / กลุ่ม F เยอรมนี (แชมป์เก่า) , เม็กซิโก , สวีเดน , เกาหลีใต้ / กลุ่ม G : เบลเยี่ยม , ปานามา , ตูนิเซีย , อังกฤษ / กลุ่ม H : โปแลนด์ , เซเนกัล , โคลอมเบีย , ญี่ปุ่น โดยคู่เปิดสนามคือเกมระหว่าง รัสเซีย พบกับ ซาอุดิอาระเบีย ที่ลุซนิกี้ สเตเดี้ยม
matemnews.com 30 เมษายน 2561