Home ข่าวทั่วไปรอบวัน สึกพุทธอิสระ  ส่งขังเรือนจำ – พระเถระผู้ใหญ่คดีเงินทอนวัด  สึก -เข้าเรือนจำแล้ว

สึกพุทธอิสระ  ส่งขังเรือนจำ – พระเถระผู้ใหญ่คดีเงินทอนวัด  สึก -เข้าเรือนจำแล้ว

891
0
SHARE

 

 

 

 

 

 

ปฏิบัติการย่ำรุ่งของตำรวจ เช้ามืด 24 พ.ค.2561 สะสางคดีพระผู้ใหญ่ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง  คดีแรกตำรวจคอมมานโดกองปราบปราม ยกำลังเข้าจับ พระพทธอิสระ จากวัดอ้อน้อย นครปฐม นำมาสอบสวนที่กองปราบกรุงเทพฯ และนำไปฝากขังศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เมื่อเวลา 14.30 น.  คำร้องฝากขัง  คดีอั้งยี่ ซ่องโจร   พฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 10 ก.พ.2557 ร.ต.ต.สมคิด เชยกมล และ ด.ต.วชิรพงศ์ อุ่นนวลบุรพงศ์ และร.ต.ต.สงวน คมขาว ผู้กล่าวหาที่ 1-3  เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาล ประจำ จ.นนทบุรี ได้รับคำสั่งให้สืบสวนหาข่าวม็อบชาวนาที่หน้ากระทรวงพาณิชย์ จ.นนทบุรี โดยทั้งหมดแต่งกายนอกเครื่องแบบ   ม็อบชาวนา ได้เดินจากหน้ากระทรวงพาณิชย์ เพื่อยื่นหนังสือถึงอัยการสูงสุดที่ศูนย์ราชการ ถ.แจ้งวัฒนะ เพื่อดำเนินคดีโครงการจำนำข้าว โดยผู้กล่าวหาทั้งสามก็ได้เดินทางมากับม็อบชาวนาด้วย ขณะนั้น “พระสุวิทย์” ผู้ต้องหา กับพวกได้ยึดพื้นที่ชุมนุมบริเวณดังกล่าวอยู่แล้ว  เมื่อยื่นหนังสือเสร็จ ผู้กล่าวหา ได้เดินทางกลับมาที่ลานจอดรถ ก็มีกลุ่มการ์ดของผู้ต้องหา 3-4 คน เดินเข้ามาขอดูโทรศัพท์ของผู้กล่าวหาที่ 2 โดยทราบว่าเป็นเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบแล้วจึงร่วมกันทำร้ายร่างกายจับมัดมือไพล่หลัง ใช้ผ้าปิดตา จากนั้นกลุ่มการ์ดวิ่งไปหา ผู้กล่าวหาที่ 1 แล้วร่วมกันทำร้ายเช่นเดียวกัน ส่วนผู้กล่าวหาที่ 3 หลบหนีไปได้ จากนั้นกลุ่มการ์ดได้ค้นตัวผู้กล่าวหาที่ 1-2 แล้วเอาโทรศัพท์มือถือ , นาฬิกา , สร้อยคอพร้อมพระไป และพาทั้งสองไปข้างเวที กปปส. ถนนแจ้งวัฒนะ บังคับขืนใจให้ตอบคำถาม กับบอกรหัสปลดล็อกหน้าจอโทรศัพท์ และทำร้ายด้วยการเตะ ต่อยที่ใบหน้า , ศีรษะ , ลำตัว ก่อนใช้ถุงคลุมศีรษะแล้วรัดปากถุงกับลำคอเพื่อให้ขาดอากาศหายใจ

 

กระทั่งวันเดียวกัน ( 10 พ.พ.2557) ผู้บังคับบัญชาของผู้กล่าวหา ได้แจ้งให้ ตำรวจ สน.ทุ่งสองห้อง ติดต่อกับ “พระสุวิทย์” ผู้ต้องหาให้ปล่อยตัว   ผู้ต้องหาให้ตำรวจไปพบที่บ้านทรงไทย ตรงข้ามกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) โดยให้หัวหน้าการ์ดกลุ่มฉลามขาว การ์ดประจำตัวผู้ต้องหา มารอรับที่หน้าบริษัท CAT  เมื่อไปถึงก็พาไปเต็นท์หลังเวทีปราศรัย อยู่ห่างจากบ้านทรงไทยประมาณ 100 เมตร โดยผู้ต้องหา ใช้วิทยุสื่อสารติดต่อกับบุคคล มีการสอบถามว่าตำรวจสันติบาล 2 คนยังอยู่หรือไม่แล้วบอกว่าสารวัตรสืบประสานขอรับตัวกลับ โดยภายหลังผู้ต้องหาได้หันมาบอกกับตำรวจว่าปล่อยให้กลับอยู่แล้ว  แต่ให้ผู้บังคับบัญชาของตำรวจทั้งสองมารับเอง ระหว่างนั้น 3-4 ชั่วโมงกลุ่มการ์ดได้เปลี่ยนกันซักถามและทำร้ายร่างกายผู้กล่าวหา 2 คน ขณะที่กลุ่มการ์ด ได้ใช้ผ้าเย็นเช็ดใบหน้าและลำตัวพร้อมทั้งทาแป้งเพื่อลบรอยบาดแผล แล้วให้ผู้กล่าวที่ 1 กล่าวคำสาบานว่าจะไม่เอาผิดกลุ่มการ์ด กปปส. ก่อนจะพาผู้กล่าวหาที่ 1-2 ไปพบผู้ต้องหา โดยให้นั่งลงกับพื้นได้แก้มัดที่มือออกแล้วแต่ยังให้ปิดตาไว้กับกำชับว่าอย่าวิ่งหนี ถ้าหนีจะโดนลูกปืน หลังจากนั้นผู้ถูกกล่าวหาได้ซักถามผู้กล่าวหาทั้งสองต่อหน้าสื่อมวลชนประมาณ 30 นาที มีการเผยแพร่ทั้งภาพนิ่ง-วีดีโอ ลงยูทูปกับเว็บไซต์ข่าวหลายสำนัก

 

ต่อมาเวลา 17.00 น.วันเดียวกัน ผู้บังคับบัญชาของผู้กล่าวหา ได้โทรศัพท์คุยกับผู้ต้องหาเพื่อขอรับตัวกลับ กระทั่งเวลา 18.30 ผู้ต้องหาจึงปล่อยตัวทั้งสอง ภายหลังผู้กล่าวหาทั้งสองถูกส่งตัวไปรักษาตัวที่ รพ.ตำรวจการกระทำของกลุ่มการ์ด กับพวกที่ยังไม่ทราบว่าเป็นใครอีก 7 คน ปกปิดวิธีดำเนินการแต่งกายชุดดำอำพรางใบหน้า ได้กระทำตามความมุ่งหมายของผู้ต้องหา โดยทำร้ายผู้กล่าวหาที่ 1 มีแผลฟกช้ำ ใบหน้าและกลางอก , บาดแผลฉีกขาดริมฝีปาก , เยื่อแก้วหูฉีกขาดทั้ง 2 ข้าง , กระดูกซี่โครงขวาด้านหลังหัก และตับฉีกขาด ใช้เวลารักษานาน 6 สัปดาห์ ส่วนผู้กล่าวหาที่ 2 ได้รับบาดเจ็บแผลถลอกหน้าผากขวา 3 X 4 ซม. , แผลฟกช้ำตามร่างกายหลายแห่ง และโหนกแก้มซ้าย คางซ้าย ฟันซ้ายล่าง หักบิ่น และฟกช้ำกลางอก ต้นแขนขวา การกระทำของผู้ต้องหา และการกระทำของผู้ต้องหากับพวก ที่ทำให้ผู้กล่าวหาทั้งสองถูกประทุษร้ายต่อทรัพย์ อีกหลายรายการ รวมมูลค่า 60,900 บาท เป็นความผิด เหตุเกิดที่แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม.

 

พนักงานสอบสวน ได้รวบรวมพยานหลักฐานแล้วยื่นคำร้องขอศาลอาญาออกหมายจับ เมื่อวันที่ 23 พ.ค.61 โดยศาล ได้ออกหมายจับผู้ต้องหา เลขที่ 1115/2561 ลงวันที่ 23 พ.ค.61 กระทั่งวันที่ 24 พ.ค. พนักงานสอบสวนได้รับผู้ต้องหาตามหมายจับไว้ พร้อมแจ้งข้อหา ฐานใช้ผู้อื่นให้ร่วมกันทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ หรือเพราะเหตุที่จะกระทำตามหน้าที่ จนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายจิตใจ อันทำให้ได้รับอันตรายสาหัส , เป็นผู้ใช้ให้ผื่นอื่นร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังให้เจ้าหน้าพนักงานซึ่งกระทำตามหน้าที่ปราศจาก เสรีภาพในร่างกายและเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัส , เป็นผู้ใช้ผู้อื่นร่วมกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป ข่มขื่นใจให้ผู้อื่นกระทำการใด หรือจำยอม โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สิน โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้น หรือจำยอมต่อสิ่งนั้น โดยอ้างอำนาจอั้งยี่ หรือซ่องโจร, เป็นผู้อื่นให้ปล้นทรัพย์ ให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจ เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส และเป็นหัวหน้าผู้จัดการหรือผู้มีตำแหน่งหน้าที่ในอั้งยี่หรือซ่องโจร ซึ่งได้กระทำความผิดตามความมุ่งหมายของอั้งยี่หรือซ่องโจร อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 296 , 298 , 310 วรรคสอง , 309 วรรคสองและวรรคสาม , 339 วรรคสอง , 340 วรรคแรกและวรรคสาม , 213 ประกอบ ม. 84

 

ในชั้นสอบสวนผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา   คดีนี้ “พนักงานสอบสวน” ได้ขอคัดค้านการให้ประกันตัวผู้ต้องหาด้วย เนื่องจากเกรงว่า ผู้ต้องหาจะเข้าไปยุ่งเหยิงพยานหลักฐานจนเป็นอุปสรรค ก่อความเสียหายต่อการสอบสวน และเกรงว่าจะหลบหนี

 

ศาลได้พิจารณาคำร้องฝากขัง อนุญาตให้ฝากขังผักแรก 12 วัน  และไม่อนุญาตให้พุทธะอิสระประกันตัว เนื่องจากพฤติการณ์ร้ายแรง   จากนั้นเจ้าหน้าที่นิมนต์พระสงฆ์ ชั้นผู้ใหญ่ 3 รูปจากสำนักพุทธศาสนา และเจ้าหน้าที่อีก 3 คนจาก พศ. มาทำการสึกจากความเป็นพระ ภายในห้องควบคุมผู้ต้องขังของราชทัณฑ์ บริเวณใต้ถุนศาล เปลี่ยนมุ่งขาวห่มขาว เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์นำตัวขึ้นรถกระลไปคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ

 

ด้านคดีเงินทอนวัด พระเถระผู้ใหญ่5 คน ศาลก็ไม่อนุญาตให้ประกัน  เจ้าหน้าที่ทำการสึก และนำตัวไปควบคุมไว้ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ประกอบด้วย

 

1.พระพรหมดิลก (เอื้อน หาสธมฺโม) เจ้าอาวาสวัดสามพระยา กรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) และเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร

 

2.พระอรรถกิจโสภณ เลขาเจ้าคณะกรุงเทพฯ วัดสามพระยา

 

3.พระศรีคุณาภรณ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศ

 

4.พระครูสิริวิหารการสมจิตร จันทร์ศรี ผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดสระเกศ

 

5.พระวิจิตรธรรมาภรณ์ หรือเจ้าคุณเทอด ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศ

 

 

 

ฆราวาส 4 ราย ประกอบด้วย

1.น.ส.นุชรา สิทธินอก แม่บ้านที่รับโอนเงินจากวัดสระเกศ

2.น.ส.ฆิมคำพร นิพนธ์พิทยา มารดาของ ร.ท.ฐิติทัศน์ นิพนธ์พิทยา

3.นายธีระพงษ์ (ไม่ทราบนามสกุล)

4.นายทวิช สังข์อยู่

 

ถูกดำเนินคดีมีความเกี่ยวข้องกับคดีเงินทอนวัด ส่งฟ้องพร้อมกับพระเถระชั้นผู้ใหญ่ทั้ง 5 รูป  ศาลมีคำสั่งอนุญาตฝากขังและไม่ให้ประกันตัว  เจ้าหน้าที่นำไปควบคุมไว้ที่เรือนจำแล้ว

 

 

matemnews.com

24 พฤษภาคม 2561