พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท.
พล.ต.ต.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบก.ปอท.
พ.ต.อ.ไพบูลย์ น้อยหุ่น รอง ผบก.ปอท.
พ.ต.อ.สยาม บุญสม รอง ผบก.ปอท.
ร่วมกันแถลงข่าวแก้สื่อมวลชนที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) เมื่อเวลา 17.30น.วันที่ 12 มิ.ย.2561 ดำเนินคดีผู้ทำความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ
พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากมีบุคคลนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์ โดยโพสต์บทความบิดเบือนให้ร้ายรัฐบาล ในเพจเฟซบุ๊กใช้ชื่อบัญชีว่า “KonthaiUk” โดยพาดหัวข่าวว่า “เรือเหาะ…ก็ซื้อมาซ่อม ยังจะซื้อดาวเทียม 91,200 ล้านมาแดกอีก.. จะยอมมันอีกมั้ย!”
พร้อมการนำภาพเรือเหาะ ดาวเทียม และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม มาตัดต่อรวมกัน นอกจากนี้ยังมีการตัดต่อภาพ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี อาจส่งผลทำให้ประชาชนที่ได้รู้เห็น เกิดความตื่นตระหนก และหลงเชื่อได้ว่าข้อมูลดังกล่าว เป็นข้อมูลจริง จากการสืบสวนเกี่ยวกับ เพจ “KonthaiUk” ได้ลงทะเบียนใช้ในชื่อบัญชี “Watana Ebbage” คือ นางวัฒนา เอ็บเบจช์ อายุ 56 ปี มีถิ่นพักอาศัยอยู่ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ โดยศาลได้อนุมัติหมายจับผู้ต้องหาคนนี้แล้ว ฐาน “นำสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศ หรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน” ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ถึงแม้ตัวผู้ต้องหาจะกระทำความผิดในต่างประเทศ แต่ทางตำรวจจะประสานงานไปยังอินเตอร์โพล ซึ่งจะออกเป็นหมายแดง เพื่อจะนำตัวกลับมารับโทษในประเทศไทย เพราะตำรวจทั่วโลกก็เป็นเหมือนทีมเดียวกันแล้ว จะเห็นได้จากการตามจับแก็งคอลเซ็นเตอร์เป็นต้น ตนขอเน้นย้ำว่าในเรื่องของบ้านเมืองประเทศไทยตอนนี้ต้องการความสงบเรียบร้อย เพื่อประโยชน์และความสุขของประชาชน เพราะฉะนั้นการกระทำใดก็ตามที่บิดเบือนข้อเท็จจริง การทำให้ประชาชนสับสน สร้างความตื่นตระหนก ก็อย่าไปทำ มิเช่นนั้นจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายได้
พล.ต.ต.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบก.ปอท. กล่าวเสิรมว่า เจ้าหน้าที่ได้มีการดำเนินคดี กลุ่มบุคคลที่มีพฤติกรรมเผยแพร่หรือส่งต่อข้อความข่าวสารอันเป็นเท็จในเฟซบุ๊ก ที่อาจจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อเศรษฐกิจและความมั่นคงของชาติ จำนวนทั้งสิ้น 7 ราย และอยู่ระหว่างออกหมายเรียกกว่า 20 รายในความผิดฐาน “เผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหาย ต่อการรักษาความมั่งคงปลอดภัยของประเทศหรือความมั่งคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ หรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน” ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกินห้าปีหรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ โดยในวันนี้มีผู้สมัครใจมอบตัวแล้ว 12 ราย
matemnews.com
12 มิถุนายน 2561