Home ข่าวทั่วไปรอบวัน นศ.ไทยมุสลิมงง!! ทำไม? การส่งกำลังใจให้ชาวปาเลสไตน์ ถึงผิดกฏหมาย!!

นศ.ไทยมุสลิมงง!! ทำไม? การส่งกำลังใจให้ชาวปาเลสไตน์ ถึงผิดกฏหมาย!!

1395
0
SHARE

“เพราะมันไม่ใช่เรื่องของเรา” เป็นคำพูดของเจ้าหน้าที่ตำรวจ หลังจาก สมาพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย ได้มีการจัดกิจกรรมในรูปแบบ แสดงพลังส่งกำลังใจให้ชาวปาเลสไตน์ที่ถูกละเมิดสิทธิ์ การประกอบศาสกิจในศาสนสถาน “มัสยิดอัลอักซอ” ในเยรูซาเลม หลังจากชาวยิวในนามของรัฐบาลอิสราเอล ห้ามชาวอิสลามปาเลสไตน์เข้าไปประกอบพิธีละหมาดเหมือนเคยในมัสยิด

โดยทางด้านนักศึกษาไทยมุสลิม ให้เหตุผลที่ได้จัดกิจกรรมในครั้งนี้ว่า เป็นเพียงกิจกรรมที่รวมตัวกันเพื่อมาร่วมพูดคุยเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะถือเป็นพี่น้องร่วมศานา ที่ต้องเผชิญหน้ากับการก่อการร้าย จึงพร้อมใจกันส่งกำลังใจให้ชาวปาเลสไตน์ ที่มีทั้งผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมากต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ซึ่งนับตั้งแต่รัฐบาลยิวอิสราเอล ได้ออกคำสั่งห้ามชาวมุสลิมเข้ามัสยิดอัลอักซอ เพื่อประกอบพิธีละหมาดวันศุกร์เมื่อวันที่ 14 กรกฏาคมที่ผ่านมา ก็ก่อให้เกิดการประท้วงอย่างหนักในพื้นที่เยรูซาเลม เพราะไม่ใช่เพียงการสั่งห้ามประชาชนชาวมุสลิมเข้ามัสยิดเท่านั้น แต่ยังมีการขับไล่ชาวบ้านที่เป็นชาวปาเลสไตน์ออกจากบริเวณมัสยิด ทั้งๆที่เป็นเจ้าถิ่น อาศัยมานานหลายสิบปี จนเรื่องราวบานปลายกลายเป็นเรื่องระดับโลก ในหลายประเทศจึงมีการส่งข้อเรียกร้องให้ยิวอิสราเอลหยุดการก่อเหตุในรูปแบบนี้ เพราะเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องที่นำหลักการณ์ของศาสนายิว มาใช้ในการปกป้องประเทศ แถมยังเป็นพื้นที่ประเทศของปาเลสไตน์ด้วย จนกระทั่งเมื่อวันที่ 25 กรกฏาคม ทางรัฐบาล “เบนจามิน เนทันยาฮู” ได้ยกเลิกมาตรการดังกล่าว และพูดว่า “ยอมรับคำแนะนำจากหน่วยงานความมั่นคง ให้ถอดเครื่องตรวจจับโลหะออก แต่ จะเปลี่ยนไปใช้เครื่องมือที่ทันสมัยกว่านี้แทน” 

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่มีคำสั่งให้ถอดอุปกรณ์เครื่องตรวจโลหะออก และยกเลิกคำสั่งห้ามชาวมุสลิมเข้าไปยังมัสยิดอัลอักซอในช่วงดึกของวันเดียวกัน ประชาชนชาวปาเลสไตน์ก็ยังคงพร้อมใจกันไม่เข้าไปละหมาดในตัวมัสยิด เนื่องด้วยความปลอดภัยที่ยังคงไม่เชื่อมั่นในตัวรัฐบาลอิสราเอล และเรียกร้องให้นำกล้องวงจรปิดทุกตัวออก เพื่อรักษาไว้ซึ่งสิทธิการนับถือ

หลังจากที่ได้ยกเลิกคำสั่งและนำอุปกรณ์ทุกตัวออก ล่าสุด ยังมีรายงานอีกว่าทางด้านรัฐบาลอิสราเอล ออกคำสั่งห้ามชายชาวมุสลิมปาเลสไตน์ ที่มีอายุน้อยกว่า 50 ปี เข้าประกอบศาสนกิจในตัวมัสยิด โดยได้รับรายงานเพิ่มเติมมาว่า หากเกิดความรุนแรงที่เหล่าผู้ศรัทธาไม่ทำตามกฏของยิว เจ้าหน้าที่สามารถหาวิธีป้องกันตัวเองได้

สำหรับมัสยิดอัลอักซอ เป็นหนึ่งในศาสนสถานที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของศาสนาอิสลาม และยังถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่ ที่ชาวมุสลิมทั่วโลกใฝ่ฝันว่าครั้งหนึ่งในชีวิต จะต้องมาร่วมแสวงบุญที่นี่ให้ได้

จากเรื่องที่เกิดขึ้นกับอัลอักซอ ทำให้นักศึกษาไทยมุสลิมหลายคน มารวมตัวกันภายใต้สโลแกน Save Al-Aqsa, Justice for Palestinian, Free Palestine ที่สวนจตุจักร โดยตามกำหนดการเดิม คือเริ่มจากกิจกรรมการพูดคุยแลกเปลี่ยน ละหมาดฮายัต (ละหมาดขอพร) สานเสวนา และจบด้วยการแสดงจุดยืนของกลุ่มด้วยการอ่านแถลงการณ์ แต่ทั้งหมดถูกยกเลิกไปเนื่องจากเจ้าหน้าที่ไม่อนุญาต

เจ้าหน้าที่ทหารและเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สน.บางซื่อ ทั้งในเครื่องแบบและนอกเครื่องแบบ กว่า 60 นาย ควบคุมพื้นที่สวนจตุจักร และคุมตัวนักศึกษาจำนวน 5 คน ที่เดินทางมาถึงสถานที่ก่อนจะมีการจัดกิจกรรม เพื่อสอบสวน พร้อมทั้งห้ามจัดกิจกรรมดังกล่าว โดยระบุว่า เป็นการรวมตัวชุมนุมเกินจำนวนที่กำหนด ขัดต่อคำสั่งของรัฐบาล คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และอาจเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงระหว่างประเทศด้วย

“ประเด็นนี้เป็นเรื่องระหว่างประเทศ ไม่เกี่ยวกับพวกเราชาวไทย จึงไม่จำเป็นต้องแสดงจุดยืนใดๆ ทั้งสิ้น” เจ้าหน้าที่รายหนึ่งได้กล่าวไว้

ด้านนาย “บูคอรี เด็ง” ประธานสมาพันธ์นิสิตนักศึกษามุสลิมเเห่งประเทศไทย กล่าวว่า “การที่ชาวยิวจากอิสราเอลรุกรานศาสนสถานมัสยิดอัลอักซอ ซึ่งเท่ากับการรุกรานคนมุสลิมทั่วโลก เพราะมัสยิดอัลอักซอถือว่าเป็นศาสนาสถานของคนมุสลิมทั่วโลก ถึงแม้จะอยู่ในพื้นที่ของชาวปาเลสไตน์ก็ตาม การรุกรานของชาวยิวครั้งนี้ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับผู้บาดเจ็บจำนวนมาก ถือว่าเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นร้ายแรง การที่พวกเรานักศึกษาทุกคนร่วมกันประณามและรณรงค์ในครั้งนี้ย่อมเป็นผลดีต่อประเทศไทยด้วยซ้ำ ฉะนั้น ผมคิดว่าเจ้าหน้าที่ไม่ควรอ้างเหตุผลว่าเป็นเรื่องของต่างประเทศ ไม่เกี่ยวกับเรา แต่ผมค่อนข้างเข้าใจวิธีคิดของเจ้าหน้าที่ เขาโตมาในวงแคบๆ น่าจะมองมิติอื่นไม่ออก” 

ในส่วนของต่างประเทศ ที่กรุงลอนดอนของอังกฤษ ได้มีการนักกิจกรรมกลุ่มหนึ่งแสดงเเสงสีเป็นรูปมัสยิดอัล-ศอ เเละมัสยิดโดมทองคำ ที่ซุ้มประตู Marble Arch สถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญในกรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร เพื่อเเสดงออกถึงการสนับสนุนปาเลสไตน์

ที่เยอรมนีเเละสวีเดน ประชาชนนับพันคนร่วมประท้วงอิสราเอล เพื่อเเสดงออกถึงจุดยืนเคียงข้างปาเลสไตน์ในการปกป้องมัสยิดอัลอักศอ เเละต่อต้านนโยบายความมั่นคงของอิสราเอลผู้ครอบครองเเผ่นดินอย่างผิดกฎหมาย

ยังไม่รวมถึงประเทศมุสลิมในอีกหลายประเทศ ที่พยายามให้นานาชาติช่วยอัลอักซอ หวังลดการนองเลือดและมีประชาชนชาวมุสลิมในปาเลสไตน์ เสียชีวิตต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นจำนวนที่มากไปกว่านี้

สำหรับข้อห้ามที่เจ้าหน้าที่ได้ห้ามปราม นักศึกษาและประชาชนทั่วไป โดยให้เหตุผลว่า “ไม่ใช่เรื่องของเรา” และได้ออกกฏอีกหากยังมีการจัดกิจกรรมในรูปแบบนี้ ขอดำเนินการตามกฏหมายทันที ยังคงเป็นข้อส่งสัยที่สร้างความไม่เข้าใจในตัวกฏหมายไทย เพราะการที่นักศึกษาไทยมุสลิมมารวมตัวกัน เพื่อแสดงถึงจุดยืนในครั้งนี้ ไม่ใช่การประท้วง แต่เป็นเพียงการรวมตัวกันเพื่อส่งกำลังใจให้ชาวปาเลสไตน์เท่านั้น เพราะหากเป็นการประท้วงจริง คงไม่มารวมตัวกันในพื้นที่สวนสาธารณะอย่างสงบกันแบบนี้แน่นอน

ท้ายนี้ ด้านสมาพันธ์นิสิตนักศึกษามุสลิมแห่งประเทศไทย ได้ประกาศจุดยืนในครั้งนี้อีกว่า จะยังคงเป็นประเด็นที่นิสิตนักศึกษามุสลิมในประเทศไทยยังให้ความสนใจและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพียงแต่ไม่มีพื้นที่ในการแสดงออกเท่านั้น ทางสมาพันธ์จึงเปิดพื้นที่ให้นักศึกษาได้พูดคุยเเลกเปลี่ยนเเละนำเสนอประเด็นความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในปาเลสไตน์และมัสยิดอัลอักซอ เเละเรื่องนี้เป็นวาระของมุสลิมทุกคนที่จะต้องร่วมกันปกป้อง รวมถึงการเเสดงจุดยืนของตน และเราในฐานะองค์กรเคลื่อนไหวของนักศึกษามุสลิมในประเทศไทย จะยังคงเคลื่อนไหว รณรงค์ เพื่อให้เกิดความยุติธรรมต่อชาวปาเลสไตน์ต่อไป