Home ข่าวทั่วไปรอบวัน นายทักษิณพูดถึงมืออาชีพ

นายทักษิณพูดถึงมืออาชีพ

591
0
SHARE

 

คลิกชมเฟชบุ้ค

https://goo.gl/T43CKW

 

 

เฟชบุ้คชื่อบัญชี  กรุงเทพ  กรุงเทพฯ  เผยแพร่

“ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์” การต่อสู้ที่ยังไม่จบ !!!

 

เรื่องเล่าจาก นพ. พงษ์ศักดิ์ ภูสิทธิ์สกุล

เล่าเรื่อง เมื่อพบกับสองนายกพี่น้อง&อาหารมื้อเย็น

 

ในช่วงที่ครอบครัวเรามาเที่ยว London

ผมและครอบครัว ได้มีโอกาสที่สำคัญยิ่งของเรา

คือได้ขอไปเยี่ยมท่านนายกทักษิณและท่านนายกปู

ตามประสาที่เรารัก เคารพและห่วงใยกัน

เช่นเดียวกับพี่น้องประชาชนมากมาย

 

ท่านทั้งสอง ได้นัดหมาย วันพฤหัส ที่ 12 มิถุนายนเลี้ยงอาหารเย็นให้กับครอบครัวเรา ที่ร้านอาหารอิตาลีแห่งหนึ่ง

 

เมื่อใกล้เวลา ที่นัดหมาย พวกเรายืนรอท่านอยู่หน้าร้านอาหาร แล รถ Rolls Royce ก็มาจอดหน้าร้าน ท่านนายกทักษิณและท่านนายกปูมาถึง เดินยิ้มแย้มเข้ามาหาพวกเรา

 

ผมและครอบครัว สวัสดีท่านทั้งสอง ท่านนายกทักษิณโอบกอดทักทายพวกเรา ให้ความเป็นกันเองเหมือนทุกครั้ง ท่านนายกปู สวมกอดกับต่าย ภรรยาผม และนำเดิน เข้าไปในภัตตาคาร

 

ภัตตาคารนี้ เป็นภัตตาคารอาหารอิตาลี ก่อตั้งมานานกว่า35 ปี มีชื่อเสียง ว่ามีรสชาติอิตาลีแท้ๆ ท่านนายกทักษิณได้จองโต้ะไว้ และนอกจากครอบครัวเราแล้ว มีคุณ บรรณพจน์ ดามาพงศ์ที่มาพร้อมบุตรชายและมีคุณเต็มใจและคุณเมย์ ก็มาร่วมด้วย

 

ท่านนายกทักษิณ บอกกับหลานๆว่า วันนี้ คุณพ่อกับคุณแม่มาเที่ยวhoneymoon กัน ลุงตัองขอเลี้ยงข้าวสักมื้อ

 

ก่อนเริ่มทานอาหาร ต่ายถือโอกาสมอบ Birthday Card และอวยพรวันเกิดล่วงหน้า ให้ท่านนายกปู

 

เมนูอาหาร ก็เป็นอาหารอิตาลี แยกหมวดเป็น อาหารว่าง ตามด้วยอาหารจานรอง และต่อด้วยอาหารจานหลัก ทั้งหมด ที่เป็นอาหารจานเดียว หรือที่เรียกกันว่า A La Carte ที่ปกติ ฝรั่งจะสั่งของตัวเอง แยกกันทาน

 

ท่านนายกทักษิณ บอกว่า เราคนไทย กินกันแบบไทยๆ คือท่านจะสั่งมาหลายๆอย่าง และมาตักแบ่งกัน

และหน้าที่ในการสั่งอาหาร ก็เป็นท่าน สั่งครบทุกหมวดหมู่อาหารทั้งอาหารเรียกน้ำย่อย อาหารจานรอง อาหารจานหลัก และของหวาน และที่ขาดไม่ได้ คือ ไวน์แดง ผมเห็นท่านสั่งๆๆโดยไม่ต้องดูเมนู

 

ท่านบอกว่า ท่านจำได้หมด ทุกร้านที่ไปทานบ่อยๆ ท่านไม่เคยต้องดูเมนู

 

ท่านนายกทั้งสอง นั่งติดกัน ผมและต่ายและลูกๆนั่งฝั่งตรงข้าม จากนั้น พนักงานก็เริ่มเสริฟ อาหารทีละอย่าง อาหารเรียกน้ำย่อย 3-4 รายการ และอาหารจานรองเป็นเมนูเส้นPasta 2 รายการ ต่อด้วยอาหารจานหลักอีก4-5 รายการ ถูกทยอยตักเสริฟให้ทุกคนโดยพนักงาน พร้อมกับไวน์แดง

 

ท่านชวนพวกเราชนแก้ว เป็นระยะๆ ท่านนายกปูไม่ดื่มไวน์ แต่ก็ยกแก้วน้ำเปล่ามาชนแก้วกัน อย่างกันเองและสนุกสนาน

 

“ ผม ปีนี้ 69 แล้ว ผมดูแก่ไหมหมอ ? “

ท่านถาม ผมตอบไปว่า ก็ just a little นะครับ5555

แต่ท่านยังแข็งแรงดี ดูดีกว่าคนวัยเดียวกันอีกมาก

ท่านบอกว่า “มหาเธร์ 92ปี ประชาชนมาเลเซียยังเลือกให้กลับมาทำงาน ผมยังมีเวลาอีกตั้ง 23 ปี รอได้ สบายมาก…”

 

ท่านสอนและแนะนำลูกๆผม หลายเรื่อง เช่นท่านแนะว่า “..หลานๆ ต้องสนใจเรื่อง AI นะ…” “ หลานๆรู้จักเรื่อง VR กันไหม ต้องเรียนรู้กันนะ..”

 

ท่านนายกปู ก็ได้เล่าเรื่องราวความประทับใจ ต่างๆที่พี่น้องประชาชนมีให้ท่าน ท่านเล่าถึงการออกไปเยี่ยม พบปะพี่น้องที่ต่างๆ และที่ราชบุรี

ท่านเล่าว่า ท่านร้องไห้มาก เมื่อท่านได้ดูคลิปและภาพที่พี่น้องประชาชน ไปรอกันหน้าศาล เมื่อ วันนัดฟังคำตัดสิน เดือนสิงหาคม ปีที่แล้ว

 

“ อาหารพอ ทานได้ไหม ลูก? …” ท่านนายกทักษิณจะคอยถาม หลานๆเป็นระยะๆ ว่าต้องการอะไรไหม ทานได้ไหม และเวลาพนักงานมาเสริฟอาหารบางประเภท เช่นเนื้อวัว ท่านก็จะคอยบอกกับพนักงานเลยว่า เว้นคนไหน ที่ไม่ทานเนื้อวัว และเมื่ออาหารจานใหม่มา ท่านก็จะคอยเป็นคนตักแจกพวกเราตลอด ซึ่งเป็นที่รับรู้กันว่า ท่านชอบและใส่ใจดูแลผู้ร่วมโต้ะอาหารเป็นปกติ

 

เมื่อท่านนายกทักษิณ คุยกับ ต่าย ภรรยาผม เรื่องสันกำแพง ท่านจำได้หมด ( ต่าย…เป็นคนสันกำแพง บ้านอยู่ละแวกเดียวกันกับบ้านท่าน)ท่านเล่าถึงคุณตา คุณยาย และครอบครัวของต่าย ที่ท่านรู้จัก บางรายละเอียดที่ ต่ายเองยังจำไม่ได้ ท่านก็เล่าย้อนให้ฟัง ได้อย่างละเอียด

ท่านเล่าถึง ครูควาย ซึ่งเป็นครูสอนเลขท่านสมัยเด็กและเป็นทวดของต่าย เล่าถึงวิธีการสอนของครูควาย และเล่าด้วยว่า ท่านสามารถหารเลขได้ ตั้งแต่ อยู่ประถม1

ท่านไล่นับญาติ นัองๆของคุณแม่ของต่าย ได้ตรงหมด

ท่านเล่าว่า ท่านเติบโตและอยู่สันกำแพง จนถึงอายุ 18 เมื่อปีที่ท่านนายกปูเกิด ที่บ้านก็ย้ายมาอยู่ในเมืองกันแล้ว ท่านเล่าว่า ในวัยเด็ก ช่วงหน้าหนาว ท่านและเด็กๆในสันกำแพงจะแก้มแดงกัน เพราะอากาศหนาวเย็น ซึ่งปัจจุบันนี้ ไม่มีแล้ว มีแต่ เด็กบนดอยที่เราจะเห็น ท่านเล่าถึงเรื่องราว ถึงผู้คน ที่เกี่ยวพันกันที่สันกำแพง ท่านนายกปู ฟังๆไป ก็แทรกขึ้นมาว่า “.. หยัง อ้ายมาจำได้มากนักว่า ….”

เพราะท่านนายกทั้งสอง อายุห่างกัน 18ปี เรื่องราวในวัยเด็กของพี่ชาย จึงเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นและสนุกสนานสำหรับนัองสาวเสมอ

 

ระหว่างทานอาหารไป คุยกันไป ท่านนายกสองพี่น้อง ก็จะคุยปรึกษาหารือกัน เรื่องต่างๆ กัน บ่อยครั้งที่ น้องสาว นั่งคุยไป ก็เอียงหน้าไปแตะไหล่พี่ชาย หัวเราะยิ้มแย้ม สนุกสนาน เป็นภาพที่ใครเห็นก็จะยิ่งเข้าใจได้ ถึงความรัก ความผูกพัน การดูแลกัน ของสองพี่น้อง

 

ระหว่างที่กำลังทานอาหารกัน พวกเราได้ยินเสียงร้องเพลง Happy Birth Day ดังมาจากอีกฟากหนึ่งของภัตตาคาร เป็นเสียงของพนักงานเสริฟที่เป็นคนอิตาลี ร้องสไตล์เสียงดังๆเสียงสูงๆ

ผมจึงเรียนท่านไปว่า เมื่อวาน เพิ่งเป็นวันเกิดนัอง”ต้นข้าว “ลูกสาวคนเล็ก ท่านบอกว่า “อ้าว ดีเลย เราต้องมี Happy Birth Day กัน”

ท่านนายกทักษิณ เรียกพนักงานมาทันที สั่งว่า ช่วงเสริฟอาหารว่าง ขอขนมcake ปักเทียน และให้มาร้องเพลง Happy Bith Day ด้วย

 

หลังจากนั้น เมื่อถึงเวลาอาหารว่าง พนักงานก็มาพร้อมกับ Birthday Cake และมายืนร้องเพลง Happy Birth Day ให้กับน้องต้นข้าว เสียงดัง ตามที่ปรากฎในclip

 

ผมเรียนถามท่านนายกทักษิณถึงเรื่องสุขภาพ ท่านว่าท่านตรวจเลือด ตรวจสุขภาพตลอด ตอนนี้ท่านแข็งแรงดี ถึงตอนนี้ ผมขอจับมือท่าน พิสูจน์ความแข็งแกร่ง ตามที่เห็นในภาพ ท่านเล่าว่า ทุกวันตอนเย็น หากท่านไม่มีนัดหมาย ท่านจะเดินออกกำลังกาย วันละ 7 กม

สำหรับท่านนายกปู ก็ได้ออกกำลังกายเป็นระยะๆ ท่านบอกว่าท่านเปิด ดู you tube และบริหารร่างกายตาม

 

และตลอดการสนทนากัน หลายช่วงตอนที่ ท่านนายกทักษิณและท่านนายกปู พูดถึงความกังวล ความห่วงใย พี่น้องประชาชน ห่วงใยในปัญหาต่างๆประเทศไทย โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจ ที่ท่านบอกว่า ถึงตอนนี้ ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะแก้ไข แต่ทำได้ และต้องอาศัยคนที่มีภูมิปัญญาที่มีความรู้ ความสามารถในระดับมืออาชีพ ที่เข้าใจจริงๆ

ท่านยังเล่าให้ฟังอีกหลายเรื่อง และตอบหลายๆคำถามที่ผมอยากรู้ รวมทั้งรับทราบความเห็นบางประเด็นที่ผมเรียนเสนอไป

ท่านยังเล่าติดตลกว่า พวกเราต่อสู้ เพื่อคนเท่ากัน แต่ที่นี่ ก็ยังมีสองมาตรฐาน เห็นได้ชัด ถึงความแตกต่างจากพนักงานต้อนรับหากท่านใช้ Rolls Royce กับ Benz

 

หลังจากเวลาอาหาร และการพูดคุย ผ่านไป3 ชม เต็ม ก็ถึงเวลา ต้องลาจากกัน

 

ก่อนแยกกัน พวกเราก็ไปถ่ายรูปกันหน้าร้านอาหาร

 

ก่อนแยกกัน ผมขอบพระคุณท่านนายกทั้งสองอีกครั้ง ที่ทำให้ ช่วงเวลาอาหารค่ำของวันนี้ มีความสุข และมีความหมายกับผม และครอบครัวอย่างมาก เป็นอีกหนึ่งความทรงจำที่ดีที่สุด

 

สุดท้าย…ก่อนแยกกันผมเรียนท่านนายกทักษิณและท่านนายกปู ว่า ประชาชน รอท่าน นะครับ วันดีๆจะต้องมาถึง

ท่านนายกทักษิณ ยิ้ม และว่า “ผมรอได้ “

 

ทุกท่านที่รัก และห่วงใยท่านนายกทั้งสอง เมื่อได้อ่านและดูภาพประกอบ ถึงตอนนี้ คงจะได้รับความสุขใจ ไม่มากก็น้อย ตามประสงค์ของผมที่อยากขอแบ่งปันความสุขและความทรงจำดีๆให้ครับ

 

แน่นอน อนาคต ยังมี การต่อสู้ ยังไม่จบ ตราบใดที่ ความยุติธรรม เสรีภาพและประชาธิปไตยยังไม่เกิด

 

“ …ผมรอ ได้ …” ท่านายกทักษิณบอก

ประชาชนที่รักและสนับสนุนท่านทั้งสอง

ก็จะ “รอ..วันท่านทั้งสองกลับมา” เช่นกันครับติดตาม

 

matemnews.com 

18 มิถุนายน 2561