Home ข่าวทั่วไปรอบวัน พลเอกประยุทธ์ซัดกลับแอมเนสตี้

พลเอกประยุทธ์ซัดกลับแอมเนสตี้

818
0
SHARE

 

 

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวในการแถลงข่าวหลังประชุมครม.ที่ทำเนียบรัฐบาล 19 มิ.ย.2561 ประเด็น  แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล คัดค้านโทษประหารชีวิตของไทยรายแรกในรอบ 9 ปี  หลังกรมราชทัณฑ์ของไทยเพิ่งประหารชีวิตนักโทษด้วยการฉีดยาพิษเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2561 ว่า

 

“ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมายของเราที่ยังคงมีอยู่  ความคิดเห็นของประชาชนตอนที่มีการพิจารณาว่า จะยกเลิกโทษประหารหรือไม่  เสียงประชาชนส่วนใหญ่มีความเห็นว่า ควรให้มีอยู่   เป็นไปตามกฎหมาย  และขั้นตอนกระบวนการยุติธรรม   ปัจจุบันมีคดีร้ายแรงหลายๆ คดีเกิดขึ้น การมีโทษประหารก็เพื่อทำให้บ้านเมืองสงบสุข   และเพื่อเป็นบทเรียนสอนใจ เป็นเรื่องความจำเป็นของเราและความต้องการของประชาชน”

 

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่  “ผมยังไม่มีความเห็น โทษประหารไม่ได้ขัดกับรัฐธรรมนูญ  ยังมีอยู่ในกฎหมายไทย   คดีล่าสุดที่บังคับคดีไปเมื่อวานนี้เป็นคดีที่ศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ และศาลฎีกา พิพากษายืนตามกันทั้งสามศาล เป็นคดีอุจฉกรรจ์ที่สั่นสะเทือนมาก มีอะไรอีกมากมายที่ไม่ควรพูดออกไปให้เสียหาย แต่มีเหตุมีผลทุกอย่าง เราต้องชี้แจงให้แอมเนสตี้เข้าใจ ทางกระทรวงการต่างประเทศต้องรับภาระตรงนี้ไป”

 

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์นักข่าว  ประเด็นแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย จะชุมนุมคัดค้านการประหารชีวิต ที่เรือนจำกลางบางขวางในเวลา 14 น.วันนี้ว่า

 

“เรื่องนี้ต้องถาม พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ยุติธรรม แต่ทุกอย่างทำไปตามกฎหมาย จะชุมนุมก็ชุมนุมไป แต่อย่าเบี่ยงไปเรื่องการเมือง”

 

 

เวลา 14 น.มีการชุมนุมที่หน้าเรือยจำบางขวาง ประมาณ 10 คนใส่เสื้อดำ  ชูป้ายข้อความต่างๆ   นางปิยนุช โครตสาร ผอ.แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย   ให้สัมภาษณ์นักข่าว ว่า

 

“ทางกลุ่มรู้สีกผิดหวังเป็นอย่างมาก เพราะประเทศไทยว่างเว้นการประหารชีวิตจริงมานานเกือบ 10 ปี แต่กลับมาใช้โทษประหารอีก   ที่ผ่านมามันไม่มีหลักฐานว่าการประหารชีวิตแล้วจะทำให้ผู้กระทำผิดยับยั้งการกระทำผิดที่รุนแรงได้  ทั้งยังไม่สามารถลดการก่ออาชญากรรมได้อีกด้วย  ที่กรมราชทัณฑ์ออกมาบอกว่า การประหารจะส่งผลให้คนเกิดความยั้งคิด หรือ ช่วยลดอาชญากรรมที่รุนแรง ล้วนเป็นเรื่องเข้าใจผิด ขณะที่โทษประหารเป็นเรื่องที่ไร้มนุษยธรรม ทั้งยังละเมิดสิทธิที่มีชีวิตอยู่ และเป็นเรื่องน่าตกใจมากที่ประเทศไทยกลับละเมิดต่อพันธกิจที่เคยประกาศไว้ ว่าจะเดินหน้าต่อการยกเลิกโทษประหารชีวิต   ทางกลุ่มจะปกป้องสิทธิการอยู่ของประชาชนต่อไป  ควรตั้งคำถามกลับไปยังรัฐบาลว่า ปัญหาของอาชญากรรมนี้เกิดจากโครงสร้างหรือไม่ ที่ผ่านมาทางกลุ่มเคยเสนอแนวทางกับกระทรวงยุติธรรมมาโดยตลอด เพราะเหตุผลของการการลงโทษคือไม่ต้องการให้ผู้กระทำผิดกลับมากระทำผิดซ้ำ ดังนั้นภาครัฐควรต้องลองดูว่ามีกระบวนการไหนที่จะจัดการกับการกระทำผิดนี้ได้บ้าง แต่ต้องไม่ใช่การประหารชีวิต  ที่ผ่านมาแอมเนสตี้เคยขอให้เริ่มต้น   จากการลดฐานที่กระทำความผิดลง เนื่องจากตอนนี้มีฐานที่กระทำความผิดเยอะมากในไทย   ที่จะนำไปสู่โทษประหารชีวิต เพราะในกฎหมายระหว่างประเทศการจะถูกประหารชีวิตต้องร้ายแรงถึงขั้นอาชญากรรมระหว่างประเทศ ดังนั้นการใช้ความรุนแรงเพื่อแก้ไขความรุนแรงไม่ใช่ทางออก โดยตอนนี้มีสองในสามประเทศทั่วโลก หรือ120 กว่าประเทศทั่วโลกที่ยกเลิกประหารชีวิต   ในอาเซียนได้แก่ ประเทศฟิลิปปินส์ กัมพูชา”

 

 

 

https://goo.gl/kD65hf

 

Matemnews.com

19 มิถุนายน 2561