พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวตอนหนึ่งในขณะแถลงข่าวหลังการประชุมครม. ที่ทำเนียบรัฐบาล บ่าย 3 ก.ค.2561 ประเด็นที่มีอดีตนักการเมืองออกมาโจมตีนายกรัฐมนตรี และข้อเรียกร้องนายกฯให้ตรวจสอบ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ที่เคลื่อนไหวทางการเมืองประสานกับกลุ่มสามมิตร ที่ประกาศสนับสนุนพรรคพลังประชารัฐว่า
“จะโจมตีผมเรื่องอะไร ในเมื่อพรรคพลังประชารัฐยังไม่ประกาศออกมาเลย เป็นเพียงการจองชื่อไว้เฉย ๆ ผมคิดว่า การพูดคุยในวันนี้ถือว่า มีอิสระเสรีมากพอสมควร ไม่ว่า ใครก็ตาม เขาก็มีการพูดคุยกันตลอด จะให้แต่นักการเมืองคุยกันข้างเดียวหรือ ดังนั้นทุกคนมีสิทธิ ประชาชนอยากพูดก็พูดมา อะไรที่ทำให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย เราก็ผ่อนผันให้อยู่แล้ว การดำเนินการ อย่ามองว่า ได้เปรียบเสียเปรียบอะไร เพราะประชาชนเป็นผู้ตัดสิน จะได้เปรียบเสียเปรียบตรงไหน หลายคนบอกว่า โครงการไทยนิยม โครงการประชารัฐ ได้เปรียบ ทั้งที่โครงการนี้เกิดมานานแล้ว ไม่ใช่เป็นโครงการ หรือการทำงานที่จะมุ่งไปสู่การเลือกตั้ง มันไม่ใช่ แต่ผมต้องการที่จะแก้ปัญหาให้ประชาชนในทุกพื้นที่ทั้งจังหวัด อำเภอ ตำบล ซึ่งให้งบประมาณไปเรื่อย ๆ ตลอดระยะเวลา 3-4 ปี และปีนี้ก็ต้องลงอีกครั้ง ในส่วนของหมู่บ้าน โดยประชาชนเป็นผู้กำหนดว่า จะทำอะไร ไม่ใช่ว่า รัฐบาลเอาไปให้ เพื่อให้เขารักผม มันไม่ใช่ แต่เป็นการแก้ปัญหาในพื้นที่ เพื่อลดความเดือดร้อน สร้างห่วงโซ่ของเขาขึ้นมาในพื้นที่ ประชาชนในพื้นที่จะต้องช่วยกันคิดว่า จะทำอย่างไรให้มีรายได้เพิ่มขึ้น”
นักข่าวถามว่า ท่านนายกฯได้พูดคุยกับนายสมคิด ในเรื่องนี้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ตอบว่า
“ผมจะต้องพูดอะไรกับ นายสมคิด คงไม่ต้องพูดอะไร ผมยังไม่รู้เลยว่า พรรคไหนเป็นอย่างไร รู้แต่เพียงว่ามี 79 พรรค และกกต.ก็ยังไม่ได้รับรองทั้งหมด เพียงแต่เป็นการจองชื่อ ยื่นหนังสือขอจดทะเบียนเฉยๆ รอให้เขาประกาศมาก่อน วันข้างหน้ายังอีกยาวไกล หลายเดือน ค่อยมาว่ากัน ขณะนี้ยังทำงานอยู่
นักข่าวถามต่อ ท่านนายกฯ คาดหวังอะไรกับปรากฏการณ์ความสามัคคีที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า
“ก็หวังว่า จะดีขึ้น ทุกคนต้องตั้งความหวัง แต่ทุกอย่างอยู่ที่ความศรัทธาของพวกเรา ถ้าเราเชื่อมั่น สร้างความเข้าใจซึ่งกันและกัน ร่วมมือกับรัฐบาลในวันนี้ ก็จะนำไปสู่รัฐบาลที่ดีในวันหน้าไม่ใช่หรือ ผมถึงบอกว่า การไปช่วยทีมหมูป่าอะคาเดมี อยู่ที่แรงศรัทธาของพวกเรา ถ้าเรามั่นใจว่า เขาปลอดภัย เขาก็ต้องปลอดภัย เราเชื่อมั่นว่า คนของเราจะช่วยเขาได้ มันก็ต้องช่วยได้ คิดว่าการเมืองก็เหมือนกัน ถ้าทุกคนไม่ว่า จะเป็นนักการเมืองเก่าหรือใหม่มาร่วมมือกัน ไม่ว่า พรรคอะไรจะเกิดขึ้น มันอยู่ที่ประชาชนจะเลือกมา และหลายคนก็มีสิทธิที่จะได้รับการเลือกตั้งมา ตราบใดที่เขายังไม่ได้กระทำผิดกฎหมายหรือติดคดีใดๆ เขาก็มีสิทธิที่จะได้รับการเลือกตั้ง เมื่อเลือกตั้งมาแล้ว เขาตั้งใจจะร่วมพัฒนาบ้านเมืองใหม่หรือไม่ เพื่อให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่น ไว้วางใจหรือไม่ ถ้าทำไม่ได้ เขาก็ไม่ได้รับการเลือกตั้งเข้ามาอยู่ดี ไม่ว่าพรรคไหนก็ตาม ถือว่า เท่ากันหมด และวันนี้หลายพรรคก็พูดกันขรมไปหมดทุกวัน ผมก็ฟังทุกวัน อย่าไปจับกันไปมา ผมต้องอยู่ตรงกลางให้ชัดเจน” นายกรัฐมนตรี กล่าว
ถามต่อ ท่านนายกฯมีความเห็นอย่างไรที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า รัฐบาลเข้าข้างพรรคพลังประชารัฐ พล.อ.ประบุทธ์จอบว่า
“พรรคพลังประชารัฐเขาคลอดมาหรือยัง ตอนนี้ยัง มีแต่ชื่อ และผมไปเกี่ยวอะไรกับเขา สื่อไปเอาสิ่งที่เขาอ้างมาถามผม แล้วผมจะตอบอะไรได้ เขาอ้างก็ต้องไปถามคนอ้างโน่น เขาสามารถพูดคุยกันได้ ผมเจอนักการเมืองก็พูดคุยกับเขาได้ แล้วผมจะผิดตรงไหน ผมก็คุยกับทุกพรรค เจอผมก็ทักทาย ผมก็ยกมือไหว้ อดีตรัฐมนตรีผมก็ยกมือไหว้ ให้เกียรติซึ่งกันและกัน เมื่อรู้จักกันก็ให้เกียรติซึ่งกันและกันบ้าง ดังนั้นวันนี้ต้องอยู่ด้วยกันแบบนี้ บ้านเมืองถึงจะสงบเรียบร้อย เข้าใจหรือไม่”
matemnews.com
3 กรกฎาคม 2561