พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ไปที่อาคารอิมแพ็คฯ เมืองทองธานี นนทบุรี เมื่อตอนเช้าวันที่ 9 ก.ค.2561 เป็นประธานการประชุมมอบแนวทางการปฏิบัติงานแก่ผู้ว่าราชการจังหวัดและหัวหน้าส่วนราชการของกระทรวงมหาดไทย เพื่อบูรณาการแก้ไขปัญหาของประชาชน และขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลเชิงพื้นที่ โดยมีผู้บริหารระดับสูงของกระทรวง ผู้ว่าฯ นายอำเภอ และหน่วยงานในสังกัดที่เกี่ยวข้องทั่วประเทศเข้าร่วมประชุมจำนวนมาก
ก่อนเข้าห้องประชุม พล.อ.ประชุมให้สัมภาษณ์นักข่าวถึงการช่วยเหลือ 13 หมูป่าออกจากถ้ำหลวง ว่า
“ได้มีการนำเด็กออกจากพื้นที่ไปแล้ว จากนั้นได้มีการประมวลการปฏิบัติทั้งหมดว่า มีอะไรที่ต้องปรับปรุง และทำความเข้าใจให้ตรงกันในการปฏิบัติเพิ่มเติม ทราบว่า เมื่อช่วงเช้าทางผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ ได้มีการประเมินผลการปฏิบัติการทั้งหมด เพื่อกำหนดการปฏิบัติงานในครั้งต่อไป ในส่วนของการปฏิบัติการช่วยเหลือครั้งต่อไป ต้องให้สิทธิกับทีมปฏิบัติงานในการประเมินการทำงานทั้งหมด และเป็นผู้กำหนดการทำงานเองว่า จะดำเนินการเมื่อไร เพราะในการดำน้ำเข้าไปในถ้ำต้องใช้เวลามาก เขาต้องพักให้พอ ต้องเตรียมอุปกรณ์ เช่น ถังดำน้ำ ต้องไปวางไว้ตามจุดต่างๆ เพื่อเปลี่ยนแท็งก์ ผมจึงย้ำไปว่า ต้องให้ผู้ปฏิบัติงานประเมินก่อนว่า จะทำได้เมื่อไร อย่างไร หากมาถามผมคงตอบไม่ได้ เพราะไม่ใช่ผู้ปฏิบัติ สุขภาพเด็กที่ออกมาแล้ว 4 คน จริงๆ ต้องให้นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าฯพะเยา ในฐานะผู้อำนวยการสถานการณ์เป็นผู้ตอบ ผมก็ไม่อยากให้สื่อเขียนกันส่งเดช เด็กทุกคนสุขภาพดี ตอนนี้อยู่ในการดูแลของคณะแพทย์จะเป็นผู้ประเมิน ยืนยันว่า ตอนนี้เด็กทุกคนแข็งแรง ปลอดภัยดีทุกคน การปฏิบัติงานในภาพรวมถือว่า พึงพอใจ อาจจะมีสิ่งที่ไม่ได้ผิดพลาดแต่ต้องปรับปรุงให้ดีขึ้น โดยทีมทำงานประเมินกันว่าสิ่งที่ผิดพลาด ต้องไม่มีผิดพลาดอีกเป็นครั้งที่สอง ก็มีการรีเควสกันว่า ทีมทำงานและทีมสนับสนุนให้เป็นชุดเดิมทั้งหมด เพื่อปิดประตูความผิดพลาด ดังนั้นการดำเนินการทั้งหมดทีมทำงานถึงเป็นผู้ประเมินเอง”
ในการประชุม พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวตอนหนึ่งถึงการช่วยเหลือ 13 หมูป่า ว่า
“การแถลงข่าวอยากให้ออกจากในพื้นที่เท่านั้น ไม่อยากให้ออกหลายแหล่งเพื่อป้องกันความสับสน ในเรื่องของภัยพิบัติที่เกิดขึ้นจะมีอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นหลักอยู่ที่เชียงราย หากพื้นที่ไม่ซับซ้อนจะมีท้องถิ่น นายอำเภอเป็นผู้กำกับ อย่างเรื่องที่ จ.เชียงราย เกิดขึ้นเสี้ยวหนึ่งของ อ.แม่สาย แต่ใช้หลายหน่วยงานจนเกิดเป็นศูนย์อำนวยการร่วม และมีหน่วยงานในต่างประเทศเข้าช่วยเหลือ เรื่องนี้สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงห่วงใย ทรงให้กำลังใจ และทรงพระราชทานให้ทำงานที่มีแผนงานชัดเจน มีผู้รับผิดชอบชัดเจน แยกผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องออกไป นอกจากนี้ยังทรงชื่นชมความร่วมมือร่วมใจของทุกคนทำให้เกิดความสำเร็จ อยากให้ผู้ว่าฯบริหารจัดการการใช้กฎหมายให้เต็มที่ ใครเก่งให้นำมาช่วยงาน ใช้คนให้ได้ หากเกิดเหตุสาธารณภัย ผู้ว่าฯต้องตั้งศูนย์อำนวยการร่วมหรือกองบัญชาการร่วมขึ้น เรื่องที่ จ.เชียงรายเป็นบทเรียนที่ต้องพัฒนา ต่อจากนี้จะมีการฝึกหัดเจ้าหน้าที่ หน่วยซีลก็ต้องพัฒนาการดำน้ำ ท้องถิ่นและทหารต้องได้รับการฝึกฝนจากบุคคลกรที่ได้รับการยอมรับ ความร่วมมือของทุกฝ่ายคือพระเอก ที่สำคัญต้องรักษาระดับน้ำในถ้ำไม่ให้เพิ่มขึ้น และขอให้ทุกจังหวัดเตรียมเวิร์คช็อปหากเกิดกรณีแผ่นดินไหวระดับสูงขึ้นด้วย”
matemnews.com
9 กรกฎาคม 2561