Home ข่าวทั่วไปรอบวัน พระบาทสมเด็จพระราชาธิบดี จิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก ทรงต้อนรับพลเอกประยุทธ์อย่างยิ่งใหญ่

พระบาทสมเด็จพระราชาธิบดี จิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก ทรงต้อนรับพลเอกประยุทธ์อย่างยิ่งใหญ่

833
0
SHARE

 

 

 

 

 

 

คลิกชมเฟชบุ้ค  ไทยคู่ฟ้า

https://goo.gl/RFGLvj

 

นายกรัฐมนตรีร่วมขบวนเกียรติยศแบบพื้นเมือง ณ พระราชวังทาชิโช ราชอาณาจักรภูฏาน

https://goo.gl/Lv3637

 

นายกรัฐมนตรีและภริยา เข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งราชอาณาจักรภูฏาน

https://goo.gl/ZoJieH

 

 

 

เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 19 ก.ค.2561 ตามเวลาท้องถิ่น  ตรงกับเช้าวันที่ 20 ก.ค.2561 เวลาไทย พระบาทสมเด็จพระราชาธิบดี จิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก (His Majesty King Jigme Khesar Namgyel Wangchuck, the Fifth Druk Gyalpo) สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งราชอาณาจักรภูฎาน และสมเด็จพระราชินีเจตซุน เพมา วังชุก พระราชทานวโรกาสให้ พล.อ.ประยุทธ์ และภริยา เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ณ ท้องพระโรง ชั้น 2 ป้อมปราการทาชิโช

 

ภายหลังเข้าเฝ้าฯ พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงแก่ผู้สื่อข่าว ว่า นายกฯ รู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก ที่พระราชทานวโรกาสให้เข้าเฝ้าฯ ในโอกาสเยือนราชอาณาจักรภูฏานอย่างเป็นทางการ ในนามของประชาชนชาวไทยซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ ทรงเป็นพระประมุขต่างชาติที่พระองค์เสด็จฯ เยือนไทย เพื่อถวายราชสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร และทรงเข้าร่วมงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ เมื่อเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา

 

ในโอกาสนี้ นายกฯ ได้กล่าวถึงความสัมพันธ์ของไทยและภูฏานว่าเป็นประเทศที่ใกล้ชิดของไทย ทั้งในด้านพระพุทธศาสนา สังคม และวัฒนธรรม โดยเฉพาะความจงรักภักดีของประชาชนทั้งสองประเทศมีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์

 

นายกฯ ยังได้กราบบังคมทูล แสดงความยินดีกับความก้าวหน้าของโครงการพัฒนาประเทศต่างๆ โดยเฉพาะการพัฒนาระบบชลประทานและการบริหารจัดการน้ำ สำหรับโครงการพัฒนาศูนย์การเรียนรู้ต้นแบบทางเกษตรชิมิปังในพระราชดำริสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก และโครงการ OGOP ด้วย

 

โอกาสนี้ สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งราชอาณาจักรภูฏาน พระราชทานเลี้ยงอาหารกลางวันแก่นายกฯ และคณะ ณ พระราชวังดาเชนโซลิง

 

 

เว็บไซต์รัฐบาลไทบ  รายงาน  สรุปผลการเยือนราชอาณาจักรภูฏานอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี

 

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคณะ  เยือนราชอาณาจักรภูฏานอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 19 – 20 กรกฎาคม 2561  สรุปผลสำเร็จในการปฏิบัติภารกิจ ดังนี้

 

  1. ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น และสมเกียรติ โดยร่วมพิธีต้อนรับอย่างเป็นทางการ ณ ป้อมปราการทาชิโช ซึ่งภูฏานจัดขบวนเกียรติยศแบบพื้นเมือง เดินนำหน้าขบวนรถยนต์ และตรวจแถวกองทหารเกียรติยศ
  2. ทั้งสองประเทศมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน และการเดินทางเยือนครั้งนี้เป็นโอกาสดีที่ทั้งสองประเทศสามารถกระชับความสัมพันธ์และความร่วมมือที่มีอยู่ให้ใกล้ชิดยิ่งกว่าเดิม
  3. การเดินทางเยือนภูฏานในครั้งนี้ถือว่าได้รับเกียรติอย่างสูงสุด เนื่องจากมีโอกาสได้เข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระราชาธิบดีและสมเด็จพระราชินีแห่งราชอาณาจักรภูฏาน แสดงถึงความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศที่มีความใกล้ชิดทางพระพุทธศาสนา สังคม วัฒนธรรม และความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งประชาชนชาวไทยต่างมีความเคารพและชื่นชมในสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งภูฏานอย่างมาก
  4. การพบปะกับนายกรัฐมนตรีภูฏานนั้น ทั้งสองฝ่ายต่างพอใจกับการหารือครั้งนี้ เนื่องจากไทยมีส่วนช่วยส่งเสริมการพัฒนาประเทศของภูฏาน โดยเฉพาะความร่วมมือทางวิชาการด้านการพัฒนา สาธารณสุข และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังเห็นว่าความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวเป็นสาขาที่ทั้งสองประเทศมีศักยภาพและเอื้อประโยชน์แก่กันได้ จึงเห็นควรผลักดันความร่วมมือดังกล่าวให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม ไทยและภูฏานยังมุ่งมั่นที่จะเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกันผ่านการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้าไทย – ภูฏาน (JTC) ซึ่งเป็นกลไกสำคัญที่จะผลักดันให้ประเด็นดังกล่าวประสบความสำเร็จได้ นอกจากนี้ ในโอกาสครบรอบความสัมพันธ์ทางการทูต 30ปี ในปี 2562 รัฐบาลไทยยินดีสนับสนุนโครงการบริการทางการแพทย์เพื่อรักษา หู ตา จมูก และคอ รวมทั้งจัดตั้งศูนย์ หู จมูก และคอ ในราชอาณาจักรภูฏาน เพื่อให้บริการรักษา การถ่ายทอดความรู้ เทคนิคและวิชาการ เพื่อพัฒนาบุคลากรทางการแพทย์เฉพาะทาง รวมถึงความร่วมมือของคณะแพทย์ ไทย-ภูฏาน ในการรักษาผู้ป่วยด้วย
  5. การประกอบพิธีจุดตะเกียงเนยที่เจดีย์อนุสรณ์สถานแห่งชาติ ซึ่งเป็นประเพณีพื้นเมืองของภูฏานที่สืบทอดมาอย่างยาวนาน โดยมีความเชื่อว่า การจุดตะเกียงน้ำมันเนยเป็นการจุดประกายปัญญาด้วย เพราะแสงสว่างที่จุดจากตะเกียง เปรียบเสมือนดวงไฟแห่งปัญญาที่ส่องสว่าง จึงหวังว่าการจุดตะเกียงเนยนี้จะเป็นแสงนำทางให้ประเทศไทยพบเจอแต่สิ่งดี ๆ และไม่พบเจอกับเหตุการณ์ร้ายๆ อีกต่อไป
  6. เยี่ยมชมร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (One Gewog One Product : OGOP) ที่ไทยมีส่วนร่วมในการริเริ่มโครงการดังกล่าว การไปเยี่ยมชมครั้งนี้ ได้เล็งเห็นถึงศักยภาพของผลิตภัณฑ์ OGOP ที่สามารถส่งออกไปยังประเทศต่าง ๆ รวมถึงประเทศไทยด้วยได้ นายกรัฐมนตรียืนยันด้วยว่า ไทยจะสานต่อความร่วมมือนี้อย่างใกล้ชิดกับภูฏานต่อไป เนื่องจากเป็นโครงการที่สอดคล้องกับนโยบาย SEP for SDGs Partnership ในภูมิภาค อีกทั้งเป็นการส่งเสริมความสัมพันธ์อันดี ทั้งในระดับรัฐบาลและประชาชนของทั้งสองประเทศด้วย

 

matemnews.com 

20 กรกฎาคม 2561