นายศุภชัย คัฬหสุนทร พร้อมภรรยา มาที่ห้องพิจารณาคดี 811 ชั้น 8 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก กรุงเทพฯ เมื่อเช้าวันที่ 23 ก.ค.2561 เข้าฟังศาลอ่านคำพิพากษาคดี หมายเลขดำ อ.1089/60 ที่พนักงานอัยการคดีอาญา 4 ฟ้อง นายณัฐพงษ์ เงินคีรี เป็นจำเลย ความผิดฐานคดีฆ่าผู้อื่นฯ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 15 เม.ย.2559 จำเลยใช้มีดปลายแหลม แทงตามร่างกาย นายธนิต คัฬหสุนทร ลูกชายของนายศุภชัย ถึงแก่ความตาย และหลบหนีไป เหตุเกิดที่ถนนประชาราษฎร์ ประชาสังคมสงเคราะห์ ดินแดง ต่อมาตำรวจจับผู้ต้องหาได้และทำสำนวนคดีส่งอัยการยื่นฟ้องต่อศาลอาญา ศาลได้พิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานแล้ว พิพากษายกฟ้องนายณัฐพงษ์ ทำให้นายศุภชัย พ่อผู้ตายที่นั่งฟังอยู่ในห้องพิจารณา ส่งเสียงร้องไห้โฮทันที ฟูมฟาย แล้วออกจากห้องมาปีนหน้าต่างริมทางเดิน กระโดดจากชั้น 8 ลงกระแทกพื้นคอนกรีต ทางเดินต่อเชื่อมตึกอัยการ ร่างกายหักหลายท่อน เสียชีวิตทันที ตำรวจรุดมาที่เกิดเหตุชันสูตรพลิกศพ และมอบศพให้มูลนิธินำส่งสถาบันนิติเ รพ.ตำรวจ และเชิญตัวภรรยานายศุภชัย ที่สูญเสียทั้งลูกชายและสามี ไปสอบปากคำที่โรงพัก
พลตำรวจโทชาญเทพ เสสะเวช ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล มาที่เกิดเหตุ และให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า คำพิพากษาที่ศาลมีวันนี้เชื่อว่าศาลท่านตัดสินด้วยความเป็นธรรมตามพยานหลักฐานแล้ว ตนก็จะเรียกสำนวนมาดูว่าเหตุเกิดขึ้นเป็นอย่างไร ทำไมศาลถึงยกฟ้อง เพื่อให้ได้ความรอบคอบ เมื่อสักครู่ก็ได้คุยกับภรรยาผู้เสียชีวิตก็ทราบว่า ผู้เสียชีวิตเครียด และหวังไว้มากว่าศาลจะพิพากษาลงโทษ แต่เราก็ไม่ทราบรายละเอียดเนื้อหาคดี ต้องขอกลับไปรื้อฟื้นสำนวนคดีมาดูใหม่ก่อน คดีนี้ยังเป็นคำพิพากษาของศาลชั้นต้น ตามขั้นตอนยังสามารถยื่นอุทธรณ์ และฎีกาได้ ตอนนี้ขอดูแลจิตใจภรรยาผู้เสียชีวิตก่อน
นายสุริยัณห์ หงษ์วิไล โฆษกศาลยุติธรรม แถลงแก่ผู้สื่อข่าวในตอนบ่ายวันเดียวกันว่า เป็นคดีหมายเลขดำ อ.1089/2560 ที่พนักงานอัยการคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ฟ้อง นายณัฐพงษ์ เงินคีรี เป็นจำเลยในความผิดฐานฆ่าผู้อื่น ฯ กรณีเมื่อวันที่15 เม.ย. 2559 เวลากลางคืน จำเลยได้ใช้อาวุธมีดปลายแหลมแทงบริเวณร่างกาย นายธนิต ทัฬหสุนทร จนถึงแก่ความตาย ก่อนหลบหนีไป เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288,371 ประกอบ 83 เหตุเกิดบริเวณ ถ.ประชาสังคมสงเคราะห์ 1 ดินแดง กทม.จำเลยให้การปฏิเสธ ต่อสู้คดีว่าไม่ใช่ผู้กระทำผิด โดยคดีนี้ศาลอาญาได้มีคำพิพากษายกฟ้อง เหตุผลโดยสรุปคือ ประจักษ์พยานที่อ้างว่าเห็นเหตุการณ์และให้การไว้ในชั้นสอบสวน ไม่อาจมาเบิกความในชั้นศาลได้ เนื่องจากอยู่ระหว่างการรักษาอาการป่วยทางจิตที่โรงพยาบาล จึงต้องรับฟังคำให้การชั้นสอบสวนที่นำส่งในชั้นศาลประกอบพยานหลักฐานอื่น แต่พยานหลักฐานอื่นยังมีน้ำหนักไม่เพียงพอที่จะฟังลงโทษจำเลยได้ เช่น ภาพถ่ายจากกล้องวงจรปิด พบว่าช่วงเวลาที่เกิดเหตุเป็นช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งมีผู้คนเป็นจำนวนมาก ภาพจากกล้องวงจรปิดที่ปรากฏในชั้นศาลนั้น เห็นเเต่เพียงเหตุการณ์ปากทางเข้าซอยที่เกิดเหตุ เเต่ไม่สามารถบันทึกภาพบริเวณจุดเกิดเหตุไว้ได้ ดังนั้นเมื่อพิจารณาอย่างรอบคอบแล้วจึงมีคำพิพากษายกฟ้อง คดีนี้เป็นเพียงการพิจารณาพิพากษาของศาลชั้นต้นเท่านั้น ฝ่ายโจทก์ยังสามารถยื่นอุทธรณ์ต่อสู้คดีตามกฎหมายได้ต่อไป ซึ่งในชั้นอุทธรณ์ผู้พิพากษาที่ปฏิบัติหน้าที่ก็จะพิจารณาไปตามพยานหลักฐานที่ปรากฏในสำนวน โดยปราศจาความกดดันหรือคติใดๆ ขอยืนยันว่าศาลก็จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด และเชื่อมั่นว่าเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ทำหน้าที่ของตนเองมาอย่างดีที่สุดแล้ว
matemnews.com
23 กรกฎาคม 2561