ประธานญาติวีรชน’อัดคสช.ดำเนินคดีวิทยากรเสวนาแก้คอร์รัปชั่นไร้สมองคิด ยันไม่มีวาระซ่อนเร้นทางการเมืองยึดประโยชน์ชาติเป็นตั้ง ชี้ปัญหาทุจริตเป็นต้นเหตุกองทัพอ้างยึดอำนาจ-ประชาชนขับไล่รัฐบาล การตรวจสอบคอร์รัปชั่นจึงเป็นผลดีกับรัฐบาลเอง จี้”บิ๊กป้อม”สั่งทบทวนก่อนจะมีมาตรการกดดันต่อไป
นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา’35 และอดีตกรรมการศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดอง สภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.) แถลงแก่ผู้สื่อข่าว 5 ส.ค.2561 ถึงกรณี บก. ปอท. ออกหมายเรียกนายพิชัย นริพทะพันธุ์ คณะทำงานเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทย ที่ถูกคสช. กล่าวหาจากการพูดในงานเสวนาซึ่งจัดโดยคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา’35ที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ว่า ค่อนข้างประหลาดใจทีคุณพิชัย นริพทะพันธุ์ ถูกหมายเรียกอีกครั้ง โดยเมื่อได้สอบถามรายละเอียดจากสื่อมวลชนที่เกี่ยวข้องแล้วขอบอกได้เลยว่าเรื่องนี้เป็นการกระทำและเป็นการสั่งการ แบบไร้สมองคิด เพราะเป็นที่ทราบกันดีโดยทั่วไปว่าการจัดงานเสวนา”แก้ปัญหาคอรัปชั่น ชาตินี้หรือชาติหน้า”ซึ่งเป็นหัวข้อเดียวที่ใช้มาตลอดเกือบ2ปี รวม 38 ครั้งแล้ว และจากหัวข้อดังกล่าวประชาชนต่างชื่นชอบและชื่นชมที่ได้รับข้อมูลข้อเท็จจริงและรายงานการตรวจสอบการทุจริต จากคณะกรรมการญาติวีรชนฯ และคณะตรวจสอบภาคประชาชน ซึ่งก็ไม่ต้องการให้มีการเปลี่ยนชื่อเป็นหัวข้ออื่น
อาจจะมีบางครั้งในอดีตที่ คสช. ไม่เข้าใจ และเคยมีการเข้ามาแทรกแซง สร้างความวุ่นวาย กับการเสวนาบ้าง แต่ต่อมาก็เข้าใจดีอย่างถ่องแท้ว่าการเสวนาดังกล่าวเป็นการให้ความคิดเห็นและข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะเป็นหลักไม่มีวาระซ่อนเร้นทางการเมือง เป็นการให้ข้อมูลในทุกมิติอย่างรอบด้าน อีกทั้งยกเว้นและเสียสละที่จะไม่มีการวิพากษ์วิจารณ์เรื่องที่เกี่ยวข้องกับความสูญเสียของพวกเราในปี 35 โดยเราต้องการเรียกร้องต่อนักการเมืองของทุกพรรคการเมือง ที่เป็นนักต่อสู้ของทุกเสื้อสีและทุกฝ่าย ให้คำนึงถึงคำสั่งสอน ของพ่อหลวง ร.9 มาตลอดกว่า 20 ปีที่ผ่านมาอย่างต่อเนื่อง จนถึงพระเจ้าอยู่หัวองค์ปัจจุบันของปวงชนชาวไทย ที่ประชาชนต่างแซ่สร้องสรรเสริญในพระมหากรุณาธิคุณ พระเมตตาของพระองค์ท่านที่มีต่อปวงชนชาวไทยทั่วประเทศดังที่ทรงได้รับสั่งให้ประชาชนจงรักสามัคคีและเอื้อเฟื้อเกื้อกูลต่อกัน
“วิทยากรทุกท่านที่ขึ้นเวทีเสวนาของคณะกรรมการญาติวีรชนฯ นอกจากจะประกอบด้วยนักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญการตรวจสอบการทุจริตและการประพฤติมิชอบแล้ว บางส่วนอาจจะมาจากพรรคการเมือง ซึ่งต้องรับเงื่อนไขและกฎกติกาที่ต้องไม่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ทางการเมืองของพรรคการเมืองใดโดยยึดผลประโยชน์ของชาติเป็นที่ตั้ง และต้องไม่ปลุกระดมไล่รัฐบาลซึ่งทุกฝ่ายก็ได้ทำตามหลักการนี้มาตลอด ทั้งนี้ก็เพื่อให้ตระหนักว่าการทุจริตคอร์รัปชั่นเป็นเงื่อนไขสำคัญที่กองทัพใช้เป็นข้ออ้างในการยึดอำนาจ และเป็นต้นเหตุสำคัญที่ทำให้ประชาชนลุกขึ้นมาขับไล่รัฐบาล ไม่ว่ารัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งหรือรัฐประหาร ซึ่งในปัจจุบันกลไกการตรวจสอบภาครัฐก็ไร้ประสิทธิภาพ ภาคประชาชนจึงต้องทำหน้าที่ตรวจสอบอย่างเข้มข้น การเสวนาตรวจสอบเพื่อสะกัดการคอร์รัปชั่นจึงเป็นผลดีต่อรัฐบาลเองด้วย และก็เพื่อให้เกิดความปรองดองของคนในชาติ จึงไม่ทราบว่าคนสั่งการดังกล่าวใช้สมองส่วนไหนคิด เป็นการกระทำที่ขาดการไตร่ตรอง ไม่รอบคอบ คณะกรรมการตรวจสอบภาคประชาชน ยืนยันว่าหากยังมีการดำเนินคดีกับวิทยากรดังกล่าว พวกเราก็คงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากจะต้องดำเนินการด้วยมาตรการที่เหมาะต่อไป จึงขอฝากไปถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหม ที่เป็นผู้ใหญ่ของคณะกรรมการญาติวีรชน 35 ได้กรุณาสั่งการให้แก้ไขยกเลิกการฟ้องร้องทุกอย่างให้เรียบร้อย อย่าให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีกเลย”นายอดุลย์ กล่าว
นายอดุลย์ กล่าวทิ้งท้ายว่า อย่าได้ดูถูกหรือดูแคลนภาคประชาชนอย่างเด็ดขาด และหากย้อนอดีตจะพบว่า กว่า10ปีที่ผ่านมาการย้ายพรรค ย้ายค่าย การดูด ส.ส. การซื้อพรรคการเมือง เกิดขึ้นตลอดเวลาจนประชาชนชินชาไปแล้ว แต่อยากให้ทำอย่างถูกทำนองคลองธรรมอย่าใช้อำนาจรัฐเอื้อประโยชน์ต่อพวกพ้องตัวเองจนประชาชนหมดความอดทนทำให้เกิดประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอีก
Matemnews.com
5 สิงหาคม 2561