Home ข่าวทั่วไปรอบวัน “จตุพร  พรหมพันธุ์”กลัวอะไร

“จตุพร  พรหมพันธุ์”กลัวอะไร

764
0
SHARE

 

 

เฟชบุ้ค นิติ รักความถูกต้อง คนตรงรักความถูกต้อง  เผยแพร่

 

จตุพรจ่อไลฟ์สดคุยเหตุบ้านการเมือง

ชี้เงื่อนไข “ดูด”ทำศรัทธา ปชต.เสื่อม

 

จตุพร ยันประตูเลือกตั้งปิดแล้ว ต้องรออีก 10 ปีจึงมีสิทธิ์ตามกฎหมาย จ่อไลฟ์สดคุยสถานการณ์บ้านเมือง เตือนพลัง ดูด ส.ส. จะเป็น “หลุมดำ” โยงเป็นเหตุยึดอำนาจ ล้มกระดานครั้งใหม่ ชี้นักการเมืองย้ายพรรคส่อทำให้เสื่อมศรัทธาประชาธิปไตย

 

เมื่อ 5 ส.ค. 2561 ประชาชนจำนวนมากมารวมตัวกันที่ร้านพีซคอฟฟี่แอนด์ไลบรารี่ ชั้น 5 ห้างอิมพีเรียล เวิลด์ ลาดพร้าว จนแน่นขนัด เพื่อมาต้อนรับและแสดงความยินดีกับอิสรภาพของนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ซึ่งพ้นจากโทษจำคุก 1 ปี เศษเมื่อวานนี้ (4 ส.ค.)

 

นายจตุพร ให้สัมภาษณ์ภายหลังขึ้นเวทีทักทายประชาชน ถึงการเลือกตั้งกำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต ว่า ส่วนตัว ตนได้ประกาศจะไม่ลงรับสมัครรับเลือกตั้งแล้วตั้งแต่ก่อนที่จะมีการรัฐประหาร และรัฐธรรมนูญผ่าน เป็นการประกาศด้วยสัจจะวาจา

 

แต่ในทางกฎหมาย หลังจากติดคุก เมื่อพ้นโทษก็ต้องผ่านไป 10 ปี จึงจะทำได้ ดังนั้น ประตูที่จะเข้าสู่สภาของตนได้ปิดหมดแล้ว แต่ภารกิจของ นปช.ถือเป็นภาระ และหน้าที่ในห้วงเวลาที่เหลืออยู่นี้

 

“เชื่อว่า ทุกฝ่ายยังไม่ชัดเจนว่า จะมีการเลือกตั้งเมื่อไหร่ และในอนาคตก็ยังไม่มีใครสามารถตอบได้ชัดเจนว่า วันเลือกตั้งคือวันใด ฝ่ายการเมืองจะต้องระมัดระวัง และต้องประคับประคองมิให้ถูกหยิบยกเรื่องราวต่างๆที่จะเป็นสาเหตุจนถูกนำเป็นเหตุผลในการล้มกระดาน และเกิดการยึดอำนาจในวันข้างหน้าได้อีก”

 

นายจตุพร กล่าวว่า ตนจึงได้เน้นย้ำถึงความน่ากังวล ความน่าห่วงใย ว่าประเทศไทยจะไม่สามารถก้าวไปถึงไหน คือเดินไปข้างหน้า 2 ก้าว เพื่อเดินถอยหลัง 3 ก้าว ยิ่งเดินยิ่งช้า ดังนั้น ไม่ว่าบ้านเมืองจะเหลือเวลาอีกเท่าไหร่อีกก็ตาม ซีกการเมืองต้องใช้ความระมัดระวังให้มากกว่านี้ และซีกกระบวนการประชาธิปไตยเราก็ต้องทำหน้าที่รณรงค์ประชาธิปไตย และเมื่อมีการเลือกตั้ง หน้าที่ในการตรวจสอบก็ยังเป็นของประชาชน

 

ถามว่า ขณะนี้แกนนำ นปช.ในภาคอีสานหลายคนมีความเปลี่ยนแปลงไป จะทำอย่างไร นายจตุพร กล่าวว่า การพูดคุยกับคนที่มีความเห็นต่าง เราก็ยังสามารถกระทำกันได้ และก่อนที่จะเดินไปข้างหน้า เราก็ต้องสบายใจกันก่อนว่า เราจะไม่ไปหกล้มข้างหน้ากันอีก

 

“เรื่องบุคคลเป็นเรื่องเล็ก แต่นี่คือเรื่องวิกฤติศรัทธา เรื่องผลการเลือกตั้ง ทุกคนต่างรู้ปลายทางกันหมด ดังนั้น ความน่ากลัวไม่ใช่เรื่องผลการเลือกตั้ง แต่เรื่องความเสื่อมต่างหากที่น่ากลัวที่จะทำให้ทั้งกระบวนการอาจเป็นปัญหาในอนาคต ซึ่งผมเห็นว่า มันไม่ใช่แต้มต่อทางการเมือง แต่จะเป็นหลุมดำในวันข้างหน้าที่จะถูกหยิบยกมาเป็นเหตุผลในการล้มกระดาน”

 

ถามว่า มีแผนรับมือกับพลังดูดที่รุกหนักในขณะนี้อย่างไร นายจตุพร กล่าวว่า ตนบอกแล้วว่าไม่มีอะไรน่ากลัว การดูดไม่ใช่เรื่องน่ากลัว การเลือกตั้งนั้นแปลก บางครั้งคนเป็นรัฐมนตรีแพ้คนขับรถก็มี ฉะนั้นในหลายพื้นที่ก็เป็นที่ประจักษ์กันอยู่แล้ว ผลการเลือกตั้งจึงสามารถอธิบายได้ว่า การใช้สิทธิของประชาชนในวันเลือกตั้งไม่ได้เลือกคนที่มีฐานะดีกว่า ตนไม่เชื่อว่า การย้ายไปจะส่งผลอะไรต่อทางการเมืองในเรื่องคะแนนเสียง แต่จะส่งผลต่อความเสื่อมศรัทธาในระบอบประชาธิปไตยมากกว่า

 

นายจตุพร กล่าวถึงกรณีคนเสื้อแดงจะเอาด้วยหรือไม่หากต้องมาปรองดองกัน ว่า นปช.ไม่เคยเรียกร้องอะไรมากกว่าคนอื่น สิ่งที่เรียกร้องมาทั้งหมด แม้แต่วันที่เพื่อไทยเป็นรัฐบาล เราก็ไม่เคยขออะไรมากกว่าคนอื่น แต่สิ่งที่ขอคือความเสมอภาค ความเท่าเทียม ดังนั้น อะไรที่จะเป็นทางออกแล้ว ไม่กระทบกระเทือนจิตใจกัน ก็จะเป็นทางออกให้กับชาติบ้านเมือง เพราะไม่เช่นนั้นแม้มีการเลือกตั้งก็ไม่จบ ก็จะเป็นปัญหาอีก

 

ถามว่า จะร่วมกิจกรรมกับรัฐบาลได้หรือไม่ นายจตุพร กล่าวว่า เรื่องการสร้างความปรองดองนั้น ตั้งแต่มีการยึดอำนาจมา นปช.ให้ความร่วมมือทุกครั้งไม่ว่าจะเป็นที่กระทรวงกลาโหม กองทัพภาค 1 หอประชุมกองทัพบก ฯลฯ ชวนมาเมื่อไหร่เราก็ไปเมื่อนั้น

 

“ผมพูดเสมอว่า การติดคุก ชีวิต โซ่ตรวน ความตาย ถือเป็นเกียรติยศของคนต่อสู้ ไม่ได้ถือว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเครื่องตราหน้า แต่ถือเป็นตราเกียรติยศของคนที่ร่วมต่อสู้กันมาเพื่อประชาธิปไตย ส่วนจะจัดกิจกรรมอะไรอีกเมื่อไหร่นั้นคงต้องรอดูอีกสักพัก เพราะหากจัดเต็มเมื่อไหร่ เดี๋ยวเพื่อนจะเดือดร้อน แต่อาจะมีการใช้ช่องทางเฟซบุ๊กไลฟ์เป็นช่องทางสื่อสารเหมือนเดิม”

 

เมื่อถามถึงการพบนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตร และนายสุวิทย์ ทองประเสริฐ หรือ อดีตพระพุทธอิสระ ในเรือนจำ นายจตุพร กล่าวว่า เราก็พูดคุยกันปกติเรื่องส่วนตัวทั่วไป ก็คุยกันได้ บรรยากาศดี เพราะตนพูดเสมอว่า เราจะต้องคุยกับคนที่มีความคิดเห็นแตกต่างกับเราได้ ในเมื่อเราจะเรียกตัวเราว่า เป็นนักประชาธิปไตย

 

PEACE NEWS

 

 

Matemnews.com

5 สิงหาคม 2561