นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แถลงแก่ผู้สื่อข่าว 7 ส.ค.2561 ผลการพิจารณาคดีการทุจริตเงินงบประมาณของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ในปีงบประมาณ 2556 และปีงบประมาณ 2558
การทุจริตเงินงบประมาณเกี่ยวกับการอุดหนุนบูรณปฏิสังขรณ์ ปี 2556 จากการไต่สวนข้อเท็จจริงตามพยานหลักฐาน รับฟังได้ว่า เมื่อปี 2556 พศ. ได้รับงบประมาณเพื่อดำเนินการตามแผนงบประมาณอุดหนุนบูรณปฏิสังขรณ์เกี่ยวกับการดำเนินโครงการดังกล่าว อย่างไรก็ดี พศ. ได้โอนงบประมาณดังกล่าวผ่านวัดพระพุทธบาทตากผ้า เพื่อโอนต่อให้กับพระสุทธิพงศ์ เจ้าอาวาสวัดไทยเดนมาร์กพรหมวิหาร จำนวน 2 ครั้ง วงเงินรวม 5.78 ล้านบาท ถือว่าผิดตามหลักเกณฑ์การใช้จ่ายงบประมาณอุดหนุนบูรณปฏิสังขรณ์วัด ที่ห้ามโอนให้กับวัดไทยในต่างประเทศ
กรณีนี้มีนายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผอ.พศ. (ขณะนั้น) นายพนม ศรศิลป์ รอง ผอ.พศ. (ขณะนั้น) นายวสวัตติ์ กิตติธีระสิทธิ์ ผอ.ส่วนบูรณะพัฒนาวัดและศาสนสงเคราะห์ กองพุทธศาสนาสถาน พศ. (ขณะนั้น)นายเฉลิมพล มีศิลารัตน์ ผอ.กองพุทธศาสนสถาน (ขณะนั้น) รวมถึงพระสุทธิพงศ์ เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องในขั้นตอนการพูดคุย และโอนงบประมาณ
คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วเห็นว่า การดำเนินการจัดสรรเงิน 2 ครั้งดังกล่าว เป็นการพิจารณาโดยไม่ชอบด้วยหลักเกณฑ์ที่ พศ. ว่าด้วยการขอและจัดสรรเงินอุดหนุนบูรณปฏิสังขรณ์วัด กล่าวคือ ไม่มีคำขอการบูรณปฏิสังขรณ์วัด ประจำปี 2556 ผ่านวัดพระพุทธบาทตากผ้า และไม่มีการประชุมของคณะทำงานพิจารณาขอรับเงินอุดหนุนจริง รวมถึงการจัดรายงานการประชุมคณะทำงานฯเพื่อพิจารณาขอรับสนับสนุนงบประมาณเงินอุดหนุนบูรณปฏิสังขรณ์วัดปี 2556 อันเป็นเท็จ และการกระทำดังกล่าวเป็นการเบียดบังเงินทรัพย์สินของสำนักงาน พศ. เป็นของตนเองหรือผู้อื่น
คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิด นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง ผอ.พศ. มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 151 157 ประกอบมาตรา 83 และผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 และผิดวินัยอย่างร้ายแรงตาม พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551 มาตรา 82 (1) (2) (3) และมาตรา 85 (1) (4) (7)
นายพนม ศรศิลป์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง รอง ผอ.พศ. มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และตาม พ.ร.บ.ป.ป.ช. มาตรา 123/1 และเป็นผู้สนับสนุนในการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 และ 151 และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง
นายเฉลิมพล มีศิลารัตน์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง ผอ.กองพุทธศาสนสถาน และ 4.นายวสวัตติ์ กิตติธีระสิทธิ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง ผอ.ส่วนบูรณะพัฒนาวัดและศาสนสงเคราะห์ กองพุทธศาสนสถาน มีมูลความผิดทางอาญา ตามมาตรา 157 และ 162 (1) (4) และผิดตาม พ.ร.บ.ป.ป.ช. มาตรา 123/1 และเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 และ 151 และผิดวินัยอย่างร้ายแรง
พระสุทธิพงศ์ ไม่มีสถานะเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมาย จึงเป็นผู้สนับสนุนในการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 151 157 และผิดตาม พ.ร.บ.ป.ป.ช. มาตรา 123/1 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 ทั้งนี้ให้ส่งรายงานและความเห็นไปยังผู้บังคับบัญชาเพื่อพิจารณาโทษทางวินัย และส่งรายงานและเอกสารพร้อมความเห็นไปยังอัยการสูงสุด (อสส.) เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลที่มีเขตอำนาจต่อไป
Matemnews.com
7 สิงหาคม 2561