Home ข่าวทั่วไปรอบวัน จำคุกเณรคำ 114 ปี – ติดจริงตามกฎหมาย 20ปี

จำคุกเณรคำ 114 ปี – ติดจริงตามกฎหมาย 20ปี

813
0
SHARE

 

 

 

 

                                                           

 

 

ศาลออกนั่งบัลลังค์  ที่ห้องพิจารณา 713 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก  กรุงเทพ เมื่อตอนเช้าวันที่ 9 ส.ค.2561 อ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.2341/2560 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายวิรพล สุขผล อายุ 39 ปี หรืออดีตพระวิรพล ฉัตตโก หรืออดีตหลวงปู่เณรคำ ที่ทางการสหรัฐฯ ส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดน มาเมื่อปี 2560 เป็นจำเลยในความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน , พ.ร.บ.ว่าด้วยการกนะทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ฯ ม.14(1) และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542

 

เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ได้เบิกตัว อดีตพระเณรคำ  ออกจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ มาฟังการอ่านคำพิพากษา

 

คดีนี้  อยการบรรยายฟ้องว่า  เมื่อระหว่างวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2552 – 27 มิถุนายน 2556 ต่อเนื่องกัน จำเลยอาศัยความเป็นพระภิกษุ ในฐานะประธานสงฆ์วัดป่าขันติธรรม จ.ศรีสะเกษ และความศรัทธาของประชาชน ได้บังอาจหลอกลวงว่า จำเลยนิมิต (ฝัน) พบองค์อินทร์ ขอให้สร้างพระแก้วมรกตองค์ใหญ่ที่สุดในโลก และสร้างมหาวิหารครอบองค์พระ โดยใช้หยกเขียวแท้จากประเทศอิตาลี และสร้างเครื่องทรงพระแก้ว 3 ฤดูด้วยทองคำแท้ และก่อสร้างเสาวิหารแก้ว 199 ต้นๆละ 3 แสนบาท รูปหล่อพระทองคำ (รูปเหมือนจำเลย) ก่อสร้างวิหารสำหรับประชาชนที่วัดป่าฯ สาขา1 จ.อุบลราชธานี สร้างวัดที่ จ.สุพรรณบุรี รวมทั้งการจัดซื้อเรือจากสหรัฐฯ เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม โดยจำเลยประกาศ ชักชวนให้ประชาชน นำเงิน ทองคำ และทรัพย์สินมาบริจาคกับจำเลย ที่วัดป่าฯ โดยจัดตู้บริจาค 8 ตู้

 

จำเลยได้ใช้เว็บไซต์ เผยแพร่ข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับการจัดสร้างสิ่งต่างๆ จนมีผู้เสียหาย 29 ราย(เฉพาะที่มาร้องทุกข์ )หลงเชื่อว่า จำเลยเป็นพระปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ เข้าร่วมบริจาคเงินและทรัพย์สินต่างๆ จำนวนทั้งสิ้น 28,649,553 บาท แล้วจำเลยโอนเงิน 1,130,000 บาทที่ได้จากการฉ้อโกงไปซื้อรถยนต์ตู้โตโยต้า1 คันโดยทุจริต ทั้งที่ความจริงแล้วจำเลยมิได้ก่อสร้างใดๆเลย

 

เหตุเกิดที่ จ.ศรีสะเกษ , อุบลราชธานี เชียงใหม่ และที่อื่นเกี่ยวพันกัน ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 และ343 ด้วย  ชั้นพิจารณาจำเลยให้การปฏิเสธ สู้คดี

 

ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้วเห็นว่า การอวดอ้างนิมิตรถึงพระอินทร์แล้วหลอกลวงให้ประชาชนที่เคารพศรัทธา ที่เป็นพุทธศาสนิกชนหลงเชื่อจนบริจาคเงินให้ แล้วนำไปซื้อรถปอร์เช่ รถตู้ รถกระบะ กลาย 10คัน รวมทั้งใช้เงินเกินความจำเป็นความเป็นสงฆ์ กระทั่งจำเลยก็ถูกศาลแพ่งริบทรัพย์ 43,478,992 บาท นั้น ฟังได้ว่า การกระทำของจำเลยนั้นผิดตามฟ้อง  การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกรรมเป็นกระทงความผิดไป

 

จึงพิพากษาให้จำคุกฐานฉ้อโกงประชาชน มาตรา 343 รวม 29 กระทงๆละ 3 ปี รวม 87 ปี

 

ผิดตามพ.ร.บ.คอมพ์ฯ ม.14(1) เป็นเวลา 3 ปี

 

ความผิดฟอกเงิน ตาม พ.ร.บ.ป.ป.ง.ฯ รวม 12 กระทงๆ ละ 2 ปี เป็นจำคุก 24 ปี

 

รวมจำคุกจำเลยทั้งสิ้น 114 ปี แต่ตามกฎหมายเมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้ว จำคุกสูงสุดตามกฎหมาย ม.91(2) แล้วได้ 20 ปี

 

ให้ชดใช้เงินกับผู้เสียหายกับ 29 ราย ตามจำนวนที่ได้ฉ้อโกงไป

 

ส่วนที่อัยการโจทก์ร้องขอให้นับโทษต่อจากคดีหมายเลขดำ อ.2340/2560 ที่ถูกฟ้องกระทำชำเราเด็กหญิงนั้น ศาลอาญายังไม่มีคำพิพากษาในขณะนี้   จึงให้ยกคำขอนับโทษต่อ

 

 

 

matemnews.com 

9 สิงหาคม 2561