พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไปที่กระทรวงการต่างประเทศ ถนนศรีอยุธยา พญาไท เมื่อตอนเช้าวันที่ 10 ส.ค.2561 เป็นประธานการประชุมร่วมระหว่างเอกอัครราชทูตไทยและกงสุลใหญ่ไทย ประจำประเทศเพื่อนบ้าน 5 ประเทศ ได้แก่ กัมพูชา สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) เมียนมา เวียดนาม และมาเลเซีย โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนไทยทุกด้าน 32 จังหวัด เข้าร่วมประชุมด้วย เพื่อมอบนโยบายการพัฒนาจังหวัดชายแดนในมิติด้านการต่างประเทศ ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติในการพัฒนาจังหวัดชายแดนของไทยให้มีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ด้วยการส่งเสริมความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งในกรอบทวิภาคีและพหุภาคี รวมถึงรับฟังข้อเสนอของเอกอัครราชทูตไทยและผู้ว่าราชการจังหวัด โดย กระทรวงการต่างประเทศร่วมกับกระทรวงมหาดไทยเป็นเจ้าภาพจัดขึ้น ระหว่างวันที่ 9-10 ส.ค.2561 เพื่อบูรณาการการทำงานระหว่างกระทรวงการต่างประเทศกับกระทรวงมหาดไทยในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติและการส่งเสริมการพัฒนาให้จังหวัดชายแดนมีความมั่นคง ความปลอดภัย อาชญากรรมข้ามชาติลดน้อยลง การค้าและการลงทุนของไทยกับประเทศเพื่อนบ้านเติบโตอย่างต่อเนื่อง
พลอประยุทธ์ กล่าวแก่ผู้ร่วมประชุมว่า ประเทศเรามีพื้นที่เชื่อมต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน เราจึงต้องรู้เขารู้เราตามหลักการพิชัยสงครามของ “ซุนวู” ในวันนี้เป็นสงครามทางการค้า เมื่อรู้เขารู้เรา ก็ต้องหาความต้องการที่ตรงกันระหว่างเรากับเพื่อนบ้านและทุกประเทศทั่วโลก ในปัจจุบัน ความสัมพันธ์ของไทยกับต่างประเทศอยู่ในเกณฑ์ดีเยี่ยม การค้าการลงทุนมีการพัฒนาที่เติบโตไปด้วยกัน การบริหารราชการก็จะต้องปฏิรูปพร้อมเชื่อมโยงแบบไร้รอย แต่สิ่งเหล่านี้ยังมีอุปสรรค เพราะติดกฎระเบียบต่างๆ ทุกหน่วยงานจึงต้องปรับปรุงและเสนอข้อติดขัดต่างๆมาให้รัฐบาลแก้ไขกฎหมาย หลายประเทศมีผู้นำรุ่นใหม่ และคณะรัฐมนตรีใหม่ ตนจึงอยากให้ทุกคนติดตามศึกษารายละเอียดแนวคิดใหม่ๆของแต่ละประเทศ ส่วนใหญ่มาจากแนวคิดประชาธิปไตยตะวันตก รวมถึงประชาธิปไตยแบบสังคมนิยม เมื่อเขามีการเปลี่ยนรัฐบาล ก็จำเป็นต้องเปลี่ยนท่าทีบ้างเล็กน้อย เราจึงต้องสร้างความเข้าใจ การเจรจาข้อตกลงต่างๆที่เกิดขึ้นมาแล้วและจะมีขึ้นในอนาคตนั้น ก็ต้องมีการติดตาม ทบทวน และปรับปรุงให้ทันสมัยและสอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน ขณะที่ทูตไทยที่ประจำการในต่างประเทศจะต้องรู้ปัญหาและอุปสรรคของประเทศไทย เพื่อจะได้นำเสนอแก่ฝ่ายการเมืองของต่างประเทศ พร้อมหาแนวทางแก้ไข และทุกกระทรวงต้องมีระบบฐานข้อมูลหลัก หรือBig Data เพื่อไม่ให้การทำงานเกิดความซ้ำซ้อน โดยต้องแยกประเภทฐานข้อมูลให้มีความชัดเจนและตรงกับความต้องการของประชาชน มีหลายฝ่ายอยากให้เราไปถึงตรงโน้น เอาเรื่องราวนั้นมาใส่เข้าไปแล้ว ปัญหาเราที่มีมากอยู่ก็มากขึ้นไปเรื่อยๆ กระทั่งหาทางออกไม่ได้ เขาไม่รู้ในสิ่งที่เราทำไปแล้ว และเขาต่างพูดไปด้วยหลักการ ตนไปทะเลาะกับเขาไม่ได้ ทุกคนจะต้องช่วยกัน ส่วนสิ่งสำคัญที่สุดในนโยบายต่างประเทศ คือ ทำอย่างไรที่จะทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่จะนำความเปลี่ยนแปลงมาสู่อาเซียนให้ได้ ประเทศไทยกำลังจะเป็นประธานอาเซียนในปี 2562 ตอนนั้นใครจะเป็นรัฐบาลก็ไม่รู้ แต่ประเทศไทยยังเป็นเจ้าภาพ ตนขออย่าให้เกิดปัญหาเหมือนกับการประชุมผู้นำอาเซียนที่ประเทศไทย เมื่อปี 2552 ที่ประชุมกันไม่ได้ โดยต้องไปทบทวนกันว่า ใครเกี่ยวข้องบ้าง ในการทำงานวันนี้ต้องใช้กลไก ทางกฎหมาย วิธีการใหม่เพื่อทำให้ไทยมีที่ยืนในเวทีโลก ขณะที่การทำงานจะต้องยึดยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี นโยบายไทยนิยมยั่งยื และนโยบายประชารัฐ ทั้ง 2 ส่วนนี้ไม่ใช่ประชานิยมและไม่ใช่นโยบายที่จะทำให้มีการสืบทอดอำนาจ
คลิกชมรูปของ เว็บไซต์รัฐบาลไทย
matemnews.com
10 สิงหาคม 2561