ศาลจังหวัดพระโขนง ถ.สรรพาวุธ กรุงเทพฯ เช้าวันที่ 15 ส.ค.2561 ศาลออกนั่งบัลลังค์ อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีฉีกบัตรออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญฯ ปี 2560 คดีหมายเลขดำ 5952/2559 ที่พนักงานอัยการพระโขนง เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง
นายปิยรัฐ จงเทพ หรือโตโต้ นายกสมาคมเพื่อเพื่อน และแกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ,
นายจิรวัฒน์ เอกอัครนุวัฒน์
นายทรงธรรม แก้วพันธุ์พฤกษ์
เป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐานทำลายเอกสารราชการ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 188, ทำให้ทรัพย์สินสาธารณะเสียหาย ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 358 และกระทำผิด พ.ร.บ.การออกเสียงร่างประชามติฯ มาตรา 59, 60 (9)
โดยจำเลยทั้ง 3 เดินทางมาศาลฟังคำพิพากษา
กรณีเมื่อวันที่ 7 ส.ค. 2559 อันเป็นวันออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ นายปิยรัฐเดินทางไปยังคูหาลงคะแนนเสียงที่เขตบางนาและฉีกบัตรลงคะแนน เพื่อแสดงออกว่าไม่ยอมรับการลงประชามติที่ปราศจากความชอบธรรม ภายใต้การใช้อำนาจควบคุมการแสดงออกของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) โดยนายทรงธรรมกับนายจิรวัฒน์เป็นผู้ถ่ายคลิปวิดีโอการฉีกบัตรดังกล่าว
คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 26 ก.ย. 2560 ให้ยกฟ้องจำเลยทั้งสามฐานกระทำการวุ่นวาย แต่ส่วนที่มีการฉีกบัตรประชามตินั้น นายปิยรัฐให้การรับสารภาพว่ากระทำจริง ศาลจึงพิพากษาลงโทษฐานทำให้เสียทรัพย์ พิพากษาจำคุกเฉพาะนายปิยรัฐ 4 เดือน ปรับ 4,000 บาท จำเลยรับสารภาพ ศาลลดโทษกึ่งหนึ่งคงจำคุก 2 เดือน ปรับ 2,000 บาท โทษจำคุกให้รอลงอาญา 1 ปี
หลังฟังคำพิพากษาแล้ว นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทีมทนายความจำเลย ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า คดีนี้เดิมศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกนายปิยรัฐ 2 เดือน ฐานทำลายเอกสารราชการ และให้ยกฟ้องจำเลยที่ 2-3 แต่มาวันนี้ศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยทั้ง 3 คน ร่วมก่อความวุ่นวายในเขตการเลือกตั้ง อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.การออกเสียงร่างประชามติฯ จึงพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยทั้ง 3 คนละ 6 เดือน จำเลยทั้ง 3 ให้การเป็นประโยชน์ ลดโทษ 1 ใน 3 เหลือคนละ 4 เดือน โทษจำคุกรอลงอาญาไว้ 2 ปี ซึ่งในส่วนจำเลยที่ 1 จะโดน 2 ข้อหาคือ ฉีกบัตรเลือกตั้ง กับก่อความวุ่นวาย เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ศาลอุทธรณ์เลยลงบทหนักสุดบทเดียวคือก่อความวุ่นวาย หลังจากนี้ตัวจำเลยทั้ง 3 ยืนยันว่า จะยื่นฎีกาคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ต่อไป เราจะต้องไปปรึกษากันก่อนว่าจะยื่นฎีกาในแง่มุมไหน ยังยืนยันเหมือนเดิมว่า สิ่งที่จำเลยทำไม่ใช่การก่อเหตุความวุ่นวายในเขตเลือกตั้ง โดยนายปิยรัฐยอมรับว่าได้ฉีกบัตรจริง แต่ไม่ใช่การก่อความวุ่นวาย เป็นการแสดงออก อีกทั้งจำเลยที่ 2-3 ไม่ได้อยู่ในเขตการเลือกตั้ง แต่ศาลอุทธรณ์มองว่ามีการนัดหมายกันไป จึงพิพากษาลงโทษ ทางเราก็ยังมีสิทธิฎีกา
matemnews.com
15 สิงหาคม 2561