พล.ท.ธรากร ธรรมวินทร แม่ทัพภาคที่ 2 แถลงแก่ผู้สื่อข่าวที่โรงแรมนภาลัย จ.อุดรธานี เมื่อวันที่ 22 ส.ค.2561 ประเด็นการรักษาความสงบเรียบร้อยสถานการณ์การเมืองในพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 ในช่วงใกล้การเลือกตั้ง ว่า
“สถานการณ์ในพื้นที่ยังเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ขณะนี้เรามีความชัดเจนในหลายๆ ด้าน ผมมั่นใจว่าทุกฝ่ายจะช่วยกันประคับประคองสถานการณ์ให้มีความสงบและเรียบร้อยไม่ทำให้เกิดความยุ่งยากในการปฏิบัติงาน เรายังมีความก้าวหน้าในเรื่องของการแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการท่องเที่ยว การลงทุน สิ่งต่างๆ เหล่านี้มีตัวเลขที่เป็นตัวชี้วัดอยู่ในระดับที่ดีขึ้น ถือเป็นเรื่องของการรักษาสภาวะแวดล้อมให้เกื้อกูลต่อการปฏิบัติงานทุกภาคส่วน โดยเฉพาะการบริหารงานของรัฐบาล กองทัพภาคที่ 2 ต้องรับผิดชอบดูแลความมั่นคงภายในและดูแลชายแดน เราติดตามสถานการณ์ทุกๆ ด้าน ความเคลื่อนไหวของกลุ่มการเมืองในอดีต เช่น กลุ่มคนเสื้อแดง เขาก็ให้ความร่วมมือดี และไม่มีการปฏิบัติที่ทำให้เกิดความเสียหาย อยู่ในกรอบกติกา ก็ต้องขอบคุณทุกภาคส่วน โดยเฉพาะฝ่ายปกครองที่ช่วยกำกับดูแลรวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขณะนี้ยังไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ ทุกคนกำลังให้ความสนใจการแก้ไขหนี้นอกระบบและภัยธรรมชาติ
ผู้สื่อข่าวถามประเด็น กลุ่มสามมิตร อ้างชื่อแม่ทัพภาคที่ 2 ไฟเขียวให้เคลื่อนไหวได้ พล.ท.ธรากร อตบหนักแน่น ว่า
“ไม่มีไฟเขียว เขาก็ดำเนินการในส่วนของเขา ถือว่าเป็นเรื่องส่วนบุคคลในการไปมาหาสู่การพบตามปกติ ทำกันอยู่แล้ว โอกาสพบปะพูดคุยมีหลายช่องทาง เพียงแต่ว่ามีการติดตามหรือใช้การประชาสัมพันธ์ทำให้เป็นที่สนใจของประชาชน ยืนยันว่า หากกลุ่มสามมิตร ทำผิดก็ต้องดำเนินการ ต้องดูที่เจตนาในการปฏิบัติ เรามีเจ้าหน้าที่ติดตามกลุ่มการเมืองอยู่ ที่ผมถูกอ้างชื่อนั้น ได้แจ้งหน่วยที่รับผิดชอบในพื้นที่ไปแล้ว ส่วนกระแสข่าวมีนายทหารระดับสูงของกองทัพภาคที่ 2 พูดคุยกับนักการเมืองให้สนับสนุนรัฐบาล คสช.ต่อไป ก็เป็นเรื่องส่วนตัว อาจจะรู้จักกันอยู่ ก็เป็นทำนองนั้นมากกว่า”
ผู้สื่อข่าวถามว่า การทำงานของกองกำลังรักษาความเรียบ จะเกิดการลักลั่นทางการเมืองหรือไม่ หากต้องทำงานในทางส่วนตัวด้วย พล.ท.ธรากร ตอบว่า
“กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยก็ต้องดูในแง่ของการบังคับใช้กฎหมายเป็นหลัก ถ้าไม่ผิดกฎหมาย ก็ต้องปล่อยไป เพราะเขาเข้ามาในส่วนตัว หลายๆ กิจการ เขามาเยี่ยมผู้ประสบภัยก็สามารทำได้ ยืนยันไม่ใช่มาดูด ส.ส. เป็นสิ่งคิดกันไป ดูเจตนาเป็นหลัก เราก็ยังคงเข้มงวดเรื่องการชุมนุมเกิน 5 คน จนกว่า คสช.จะปลดล็อกการเมือง เรื่องสร้างความปรองดองในพื้นที่ขณะนี้เกิดขึ้นแล้ว เนื่องจากโครงการประชานิยมเป็นการที่สร้างความสามัคคีปรองดอง ทุกคนได้ร่วมคิด ร่วมทางมารับรู้งานด้านต่างๆ อยากให้ประชาชนพึ่งตัวเอง เพราะข้าราชการทหารและตำรวจ ยังไม่เพียงพอที่จะไปแก้ไขปัญหาได้หมดในทุกๆ เรื่อง”
ผู้สื่อข่าวถามต่อไปประเด็นได้เก็บฐานข้อมูลประชาชนสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลอะไรไว้บ้าง พล.ท.ธนากร ตอบ
“ไม่ได้ไปเก็บโดยตรง เราอาศัยเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ แต่สามารถวิเคราะห์ได้จากการสอบถามทางตรงและทางอ้อมในหลายๆ ด้าน ไม่จำเป็นต้องไปทำแบบสอบถาม ส่วนที่เป็นคะแนนนิยมมากที่สุดต่อรัฐบาล คือ โครงการที่เกิดผลดีต่อคุณภาพชีวิต สามารถจับต้องได้ ใช้งานได้ เปลี่ยนแปลงชีวิตเขาในระยะสั้นได้ดีขึ้น”
matemnews.com
22 สิงหาคม 2561