นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เรียก พ.ท.กรทิพย์ ดาโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและ ปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เข้าหารือที่ห้องทำงานตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล เมื่อตอนเช้าวันที่ 31 ส.ค.2561 ประเด็นพิจารณารับน้องแบม – น.ส.ปณิดา ยศปัญญา ผู้ที่เปิดเผยข้อมูลการทุจริตเงินสงเคราะห์ผู้ยากไร้ในศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง จ.ขอนแก่น เข้ารับราชการที่สำนักงาน ป.ป.ท. ขอนแก่น หลังจากที่น.ส.ปณิดา ไม่ประสงค์จะทำงานที่ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง ตำแหน่งจ้างเหมา แล้วนายวิษณุ ให้สัมภาษณ์นักข่าวว่า
“ผมได้ให้หน้าห้องโทรไปสอบถามเป็นการส่วนตัวกับน้องแบม เพื่อสอบถามถึงรายละเอียด เบื้องต้นทราบว่าน้องแบมเรียนจบคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ สาขาพัฒนาชุมชน มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ขณะนี้กำลังศึกษาต่อออนไลน์ที่มหาวิทยาลัยรังสิต ด้วยทุนของมหาวิทยาลัย โดยจากการสอบถามน้องแบมสนใจเข้ามาทำงานกับป.ป.ท. แต่อยากทำที่จังหวัดขอนแก่น ก่อนหน้านี้ธนาคารกรุงไทยก็ได้ติดต่อให้มาทำงานที่สาขากรุงเทพฯ น้องแบมไม่สะดวก ดังนั้นจึงให้เจ้าหน้าที่ประสานไปว่า จะให้ไปทำงานที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐที่จ.ขอนแก่น น้องแบมก็ยินดี วานนี้ผมได้นำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน(ก.พ.) พิจารณา พบว่ามีช่องทางที่สามารถทำได้โดยถูกกฎหมาย ในกรณีที่มีผู้ใดเป็นที่ต้องการของราชการ และเป็นผู้มีคุณงามความดีพิเศษ เหมือนกับที่เคยบรรจุนักกีฬาที่ทำชื่อเสียงให้กับประเทศเข้ารับราชการ โดยจากนี้จะให้สำนักงานป.ป.ท. เสนอเรื่องเข้ามายังก.พ. เพื่อขอพิจารณาเป็นกรณีพิเศษ โดยสามารถทำได้กับทุกรายที่อยู่ในข่ายเดียวกัน ในอดีตก็เคยทำมาแล้ว ยืนยันไม่ได้เป็นการลําเอียงหรือการเลือกปฏิบัติ เพราะเป็นหลักเกณฑ์หนึ่งในการเสาะแสวงหาบุคคลบางประเภท เพื่อเข้ารับราชการ ก.พ. ในอีกรูปแบบหนึ่ง โดยไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องโควต้าเข้ารับราชการ ส่วนหากพม.จะดำเนินการก็ต้องรอให้มีตำแหน่งอัตราว่างตามปกติ แต่ขณะนี้สำงานป.ป.ท. มีตำแหน่งอัตราว่าง ในตำแหน่งพนักงานนักสืบสวนสอบสวน วันนี้ผมจึงได้เรียกเลขาฯ ป.ป.ท. เข้ามาพบ ขั้นตอนในการรับน้องแบมเข้ารับราชการ เชื่อว่าใช้เวลาไม่นาน โดยเมื่อนำเรื่องเขาสู่ที่ประชุมคณะอนุกรรมการวิสามัญ หรือ อ.ก.พ. พิจารณาก็จะแล้วเสร็จทันที จะมีการประชุมเดือนละครั้ง แต่หากมีเรื่องเข้ามาก็จะให้อ.ก.พ. ชุดสรรหาคนเข้ารับราชการพิจารณาไปก่อนได้ เรื่องนี้ นายธีรยุทธ์ หล่อเลิศรัตน์ ประธาน อ. ก.พ. ก็ได้รับปากจะพิจารณาให้ โดยจะพิจารณาจากวุฒิการศึกษาและรายละเอียดอื่นประกอบด้วย จะมีการสอบสัมภาษณ์คนเดียวไม่ต้องไปแข่งขันกับคนอื่นๆ”
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีหลายฝ่ายวิจารณ์การให้น้องแบม เข้ารับราชการเป็นการลำเอียง นายวิษณุ ตอบว่า
“เรื่องนี้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ตามปกติ ที่ผ่านมาเคยทำลักษณะดังกล่าวมาแล้ว โดยต้องมีอัตราว่าง และมีความต้องการของหน่วยงานราชการ อีกทั้งบุคคลนั้นต้องมีคุณงามความดีและมีชื่อเสียงที่ควรได้รับการสนับสนุนเป็นกรณีพิเศษ ส่วนที่มีการยกกรณีบุตรหลานของข้าราชการทหารตำรวจที่เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่มาเปรียบเทียบกับเรื่องนี้นั้น การเข้ารับราชการมีหลายรูปแบบและหลายหลักเกณฑ์ บางครั้งอาจสอบเฉพาะกลุ่มหรือเฉพาะบุคคล และในกรณีทั่วไปจะมีการสอบแข่งขันกับคนจำนวนมาก ทั้งหมดมีหลักเกณฑ์อยู่แล้ว ไม่ใช่การกำหนดหลักเกณฑ์ขึ้นมาใหม่เพื่อน้องแบมโดยเฉพาะ นอกจากนี้ยืนยันว่าจะไม่ใช้หลักเกณฑ์ลักษณะนี้พร่ำเพรื่อ เพื่อไม่ให้มีการบรรจุลูกท่านหลานเธอวิ่งเต้นเส้นสายกัน จะต้องคำนึงด้วยว่าเราจะเอาเขาไปบรรจุที่ไหนหรือในกระทรวงใด”
หลังจากนั้น พ.ท.กรทิพย์ ดาโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ(ป.ป.ท.) ให้สัมภาณ์ผู้สื่อข่าว ว่า กรณีของ น.ส.ปณิดา ถือว่ามีความกล้าหาญที่ออกมาเปิดเผย และเปิดโปงสิ่งที่ไม่ชอบมาพากล ถือเป็นคนดีที่ควรยกย่อง เชิดชู ซึ่ง น.ส.ปณิดา มีภาระที่ต้องดูแลครอบครัว สังคมและราชการไม่ควรจะทอดทิ้ง เพราะสิ่งที่ น.ส.ปณิดาได้ทำน่าจะเกิดประโยชน์กับแผ่นดินมากกว่า
ผู้สื่อข่าวถาม บางคนอาจจะรับไม่ได้ พ.ท.กรทิพย์ ตอบ การสอบแข่งขันมีตามปกติ นักข่าวถามย้ำถาม เหตุใดจึงไม่ให้สอบเข้าตามขั้นตอนปกติก่อน แล้วค่อยช่วยเหลือในภายหลัง พ.ท.กรทิพย์ ตอบว่า
กรณีนี้มีความเห็นเกิดขึ้น 2 ทาง คือ บางคนเห็นว่าคนอย่าง น.ส.ปณิดา น่าจะให้เข้ารับราชการ ช่วยดูแลและยกย่อง แต่ความเห็นอีกทางหนึ่งมองว่าต้องผ่านระบบสอบคัดเลือก ไม่เช่นนั้นจะเกิดเรื่อง 2 มาตรฐาน จึงมี 2 แนวทางว่าจะเลือกอย่างไร แต่พอดีเราเห็นว่ามีช่องทางให้สามารถทำได้ เคยทำมาแล้ว และคนอย่างนี้เข้ามาทำงานในสำนักงาน ป.ป.ท. ถือว่าเหมาะสม ตรงกับสิ่งที่เขาแสดงออกมาหรือทำ ส่วนนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ไม่ได้ให้คำแนะนำอะไร แต่ให้ออกมาชี้แจง
น้องแบมดีใจมาก
matemnews.com
31 สิงหาคม 2561