พ.ต.อ.กิตติ อริยานนท์ รองผู้บังคับการตำรวจจราจร แถลงข่าวแก่สื่อมวลชนเมื่อวันที่ 4 ก.ย.2561 ว่า หลังจากเปิดใช้กล้องเปลี่ยนช่องทางกะทันหัน หรือกล้องเลนเชนจ์ ตั้งแต่วันที่ 9 พ.ค.2561 จนถึงถึงปัจจุบันพบว่าเป็นเวลากว่า 4 เดือน สามารถตรวจจับผู้กระทำความผิดสามารถปาดแซงเส้น
ทึบบริเวณทางขึ้นสะพานข้ามแยก หรือทางอุโมงค์ลอดทางแยก ในพื้นที่กรุงเทพทั้งหมด15 จุดรวมออกใบสั่งไปแล้ว 1.6 แสนใบ
พบว่ามีประชาชนมาชำระค่าปรับประมาณร้อยละ 30 หรือประมาณ 14,086 รายเท่านั้น
มีการส่งหนังสือเตือนให้ผู้ที่ได้รับใบสั่งไปแล้ว แต่ยังไม่มาดำเนินการชำระค่าปรับตามที่ระยะเวลาที่ระบุในใบสั่งไปแล้วกว่า 70,000 ราย หากผู้ที่ได้รับใบสั่งไปแล้วไม่ยอมมาชำระค่าปรับตามที่กฎหมายกำหนด เจ้าหน้าที่จะมีการบันทึกข้อมูลลงในระบบพีทีเอ็มของตำรวจทุกครั้งเพื่อเตรียมฐานข้อมูลไว้สำหรับเชื่อมกับกรมการขนส่งทางบก
สำหรับผู้ที่มีการสะสมใบสั่งและไม่ยอมมาชำระค่าปรับเป็นจำนวนมาก จะต้องถูกปรับย้อนหลังทุกใบ เนื่องจากการกระทำความผิดตามพรบ.จราจรทางบกจะมีอายุความ 1 ปี
เจ้าหน้าที่มีขั้นตอนดำเนินการกับผู้ทำผิด คือ หลังจากให้เวลามาชำระค่าปรับภายใน 15 วัน แล้วยังไม่มาจะมีการส่งหนังสือเตือนให้มาชำระค่าอีกครั้งภายใน 30 วัน หากยังไม่มาดำเนินการระบบจะส่งข้อมูลไปยังขนส่งฯ หลังจากนั้นหากไม่ดำเนินการชำระภาษีประจำปีเจ้าหน้าที่ขนส่งจะแจงยอดค่าปรับที่ค้างชำระ โดยประชาชนจะสามารถจ่ายกับกรมฯได้ทันที หรือมาชำระค่าปรับกับสน.พื้นที่ที่ออกใบสั่ง หากไม่ชำระทันทีเจ้าหน้าที่จะออกป้ายกำกับการเสียภาษีชั่วคราวมีอายุ 30 วัน หากพ้นกำหนดแล้วยังไม่มาจ่ายค่าปรับเจ้าหน้าที่จะส่งข้อมูลไปแก่พนักงานสอบสวน เพื่อให้ออกหมายเรียกมาชำระค่าปรับตามระยะเวลาที่ระบุในหมายเรียก หากยังเพิกเฉยถือว่าขัดคำสั่งจะถูกออกหมายจับทันที
matemnews.com
4 กันยายน 2561