นายกรัฐมนตรี รับฟังการแถลงแนวทางการขับเคลื่อนประเทศ สู่ความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ด้วยยุทธศาสตร์ชาติ ของนักศึกษาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร วิทยาลัยเสนาธิการทหาร วิทยาลัยการทัพทั้ง 3 เหล่าทัพ
วันนี้ (6 ก.ย.61) เวลา 14.10 น. ณ อาคารอเนกประสงค์ สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ ถนนวิภาวดีรังสิต เขตดินแดง กรุงเทพฯ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในการรับฟังการแถลงแนวทางการขับเคลื่อนประเทศ สู่ความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ด้วยยุทธศาสตร์ชาติ ของนักศึกษาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร วิทยาลัยเสนาธิการทหาร วิทยาลัยการทัพของทั้งสามเหล่าทัพ ประจำปี 2561 โดยมีพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พลเอก เทพพงศ์ ทิพยจันทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม พลเอก สุรสิทธิ์ ถาวร ผู้บัญชาการสถาบันวิชาการป้องกันประเทศ พลโท ปริพัฒน์ ผลาสินธุ์ ผู้อำนวยการวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ผู้บริหารระดับสูงทั้งภาครัฐและภาคเอกชน คณาจารย์ นักศึกษา เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง และสื่อมวลชน เข้าร่วมงาน
นายกรัฐมนตรี ได้รับฟังการแถลงแนวทางการขับเคลื่อนประเทศ สู่ความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ด้วยยุทธศาสตร์ชาติ ซึ่งคณะนักศึกษาฯ ได้เสนอแนวทางยุทธศาสตร์เฉพาะ 6 ด้าน ได้แก่ ด้านความมั่นคงแห่งชาติและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ด้านเศรษฐกิจ สังคม พลังงาน ด้านทุนมนุษย์และคุณภาพชีวิต ด้านความเป็นธรรมในสังคม ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และด้านการเมืองการปกครองและระบบบริหารจัดการภาครัฐ พร้อมทั้งได้เสนอแนวทางในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์เพื่อให้บังเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม โดยการแถลงแนวทางการขับเคลื่อนประเทศไทย สู่ความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืนด้วยยุทธศาสตร์ชาติในครั้งนี้ เป็นข้อเสนอแนะที่คณะนักศึกษาได้บูรณาการยุทธศาสตร์ 6 ด้านเข้าด้วยกัน เพื่อให้มีพลังในเชิงผลลัพธ์ ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยมีความมั่นคง มีความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและสังคมที่มีการลดความเหลื่อมล้ำโดยไม่ทิ้งภาคส่วนใดไว้ข้างหลัง และพ้นจากกับดักรายได้ปานกลางไปสู่การเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างยั่งยืนตลอดไป
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงการนำเสนอแนวทางการขับเคลื่อนประเทศ สู่ความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ด้วยยุทธศาสตร์ชาติ ของคณะนักศึกษาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร วิทยาลัยเสนาธิการทหาร และวิทยาลัยการทัพของทั้งสามเหล่าทัพว่า สิ่งต่าง ๆ ที่คณะนักศึกษาได้นำเสนอมานั้น ครอบคลุมในทุกมิติและมีความสอดคล้องตรงสิ่งที่รัฐบาลดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2561– 2580) ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของการดำเนินการเพื่อเป็นกรอบแนวทางการพัฒนาในระยะยาว ภายใต้วิสัยทัศน์ “มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” โดยมียุทธศาสตร์ 6 ด้าน ประกอบด้วย ด้านความมั่นคง ด้านการเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขัน ด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพคน ด้านการสร้างโอกาสความเสมอภาคและเท่าเทียมกันทางสังคม ด้านการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และ ด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญคือการนำนโยบายไปสู่การจัดทำแผนแม่บทและนำไปสู่การปฏิบัติให้เกิดผลเป็นรูปธรรมอย่างแท้จริง โดยมีการทำงานแบบบูรณาการทั้งในเรื่องคน แผนงานโครงการ และงบประมาณ เป็นต้น
รวมทั้ง ต้องมีวิธีการดำเนินการที่ชาญฉลาด เหมาะสม สอดคล้องกับความเป็นไทย โดยน้อมนำหลักการพัฒนาตามแนวพระราชดำริ คือ เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา และการพัฒนาตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 มาเป็นแนวทางปฏิบัติในการขับเคลื่อนการดำเนินงานต่าง ๆ ให้เป็นไปตามยุทธศาสตร์ชาติและวิสัยทัศน์ที่กำหนดไว้คือ มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ซึ่งเป็นภาพที่วางไว้ในสิ่งที่ต้องการให้ประเทศไทยไปถึงในอนาคต
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงเรื่องความมั่นคงว่า ไม่ใช่เป็นเพียงความมั่นคงในด้านตำรวจทหาร เท่านั้น แต่ยังหมายรวมไปถึงความมั่นคงในด้านอื่น ๆ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม ฯลฯ ซึ่งทั้งหมดนี้จะเป็นการพัฒนาประเทศไปข้างหน้า ขณะเดียวกันต้องมีการเตรียมความพร้อมของคนทุกกลุ่มในประเทศให้สอดคล้องกับเทคโนโลยีและทันสถานการณ์ของโลกที่เปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะต้องรู้จักบริหารจัดการข้อมูลที่มีอยู่จำนวนมากอย่างเป็นระบบและใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด รวมทั้งการใช้เทคโนโลยีและสื่อโซเชียลให้เป็นประโยชน์ในการค้นหาข้อมูลต่าง ๆ เพื่อนำมาวิเคราะห์และปรับใช้ในการดำรงชีวิตและการประกอบอาชีพ ทั้งด้านการเกษตร หรือการจำหน่ายสินค้าผ่านสื่อออนไลน์ต่าง ๆ เพื่อเพิ่มช่องทางการตลาดและมูลค่า เป็นต้น อีกทั้งประเทศไทยต้องมีการพัฒนาในเรื่องของนวัตกรรม และสร้างการวิจัยและพัฒนา เพื่อให้พ้นจากประเทศรายได้ปานกลางไปสู่รายได้สูงในอนาคต รองรับการก้าวไปสู่ไทยแลนด์ 4.0 ขณะที่การผลิตแรงงานก็ต้องสอดคล้องกับความต้องการของตลาดและการพัฒนาประเทศ โดยแรงงานไทยต้องมีพัฒนาทักษะตนเองอย่างต่อเนื่องให้สอดคล้องกับเทคโนโลยีและสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง
ส่วนด้านการท่องเที่ยว นายกรัฐมนตรี ได้เน้นย้ำในเรื่องความปลอดภัย โดยเฉพาะสถานที่พักต่าง ๆ ต้องมีการดูแลในเรื่องความปลอดภัยให้นักท่องเที่ยวได้เกิดความเชื่อมมั่น พร้อมทั้ง ได้กล่าวฝากขอให้ทุกคนตระหนักและเห็นถึงความสำคัญของการเสียภาษี เพื่อจะได้นำรายได้ดังกล่าวมาพัฒนาประเทศ อันจะส่งผลดีต่อประชาชนทุกกลุ่มและเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศต่อไป
————————–
กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก
เว็บไซต์รัฐบาลไทย รายงาน
matemnews.com
6 กันยายน 2561