“ผมได้รับโทรศัพท์จากสื่อมวลชน สอบถามเรื่องใบขับขี่ของนายภัทรศักดิ์ที่เคยมีคดีถอยรถชน และสอบถามถึงคำพิพากษาที่อัยการได้เป็นโจทก์ฟ้องคดีไว้ จึงได้ให้นิติกรสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีศาลแขวง 2 (พระนครเหนือ) ไปคัดคำพิพากษาที่ศาลอีกครั้งจนทราบว่า ศาลแขวงพระนครเหนือได้พิพากษาลงโทษจำคุกนายภัทรศักดิ์ เป็นเวลา 3 เดือน 15 วัน ไม่รอลงอาญา และสั่งเพิกถอนใบขับขี่รถยนต์ จำเลยยื่นอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นกักขังแทน 3 เดือน 15 วัน จำเลยยื่นฎีกา ศาลฎีกาพิพากษาแก้ ให้รอการกำหนดโทษ 3 ปี คุมประพฤติ 2 ปี โดยจะเห็นได้ว่า จำเลยได้อุทธรณ์คำพิพากษาเฉพาะโทษจำคุก แต่ไม่ได้ยื่นอุทธรณ์โทษเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่ ดังนั้น ประเด็นปัญหาว่า ศาลสั่งเพิกถอนใบอนุญาตได้หรือไม่ จึงยุติไปตามศาลคำสั่งศาลชั้นต้นคือ ศาลสั่งเพิกถอนใบอนุญาตขับรถยนต์และคำพิพากษาส่วนนี้ถึงที่สุดแล้ว ต้องปฏิบัติตามคำพิพากษา ซึ่งศาลชั้นต้นจะมีหนังสือแจ้งให้กรมการขนส่งทางบกดำเนินการตามคำพิพากษา นายกมล บูรณพงษ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก ได้ชี้แจงผ่านสื่อแล้วว่า นายภัทรศักดิ์ มาขอออกใบขับขี่หรือใบอนุญาต โดยอ้างว่าศาลพักใช้ใบอนุญาตเท่านั้น ซึ่งขณะที่มาขอ กรมการขนส่งฯ ยังไม่ทราบ และยังไม่ได้รับหนังสือสำคัญแสดงว่า คดีถึงที่สุดจากศาล จึงออกใบอนุญาตให้นายเก่งไป และกำลังจะเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่รถยนต์เมื่อได้รับหนังสือสำคัญจากศาลต่อไป แล้วเมื่อปรากฏข้อเท็จจริงตามที่นายภัทรศักดิ์ได้โพสต์ข้อความ ผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องพบเห็น ก็จะมาช่วยกันดำเนินการให้เป็นไปตามคำพิพากษาต่อไป การโพสต์เฟซบุ๊กของนายเก่งจะเป็นการสร้างผลลบให้ตัวเอง เพราะโซเชียลก็จะออกมาทวงถาม เจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีหน้าที่ก็จะต้องดำเนินการกันต่อไป เรื่องนี้จึงเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่นำโซเชียลมีเดียมาช่วยกันตรวจสอบสังคม และช่วยกันปฏิบัติหน้าที่ทุกอย่างให้เป็นไปตามกฎหมาย และขอฝากให้ระมัดระวังการโพสต์การแชร์ไม่ให้ผิดกฎหมาย เช่น การนำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์”
นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด แถลงแก่ผู้สื่อข่าวเมื่อวันที่ 11 ก.ย.2561 ประเด็น เก่ง เกียร์ R- นายภัทรศักดิ์ เทียมประเสริฐ ผู้ก่อเหตุขับรถกระบะถอยหลังชน Yaris คู่กรณีที่แย่งทางกันบนถนน ได้โพสต์เฟชบุ้ตส่วนตัวโชว์ใบขับขี่สมาร์ทการ์ดที่ได้รับคืนว่า คุมค่ากับรอคอย 2 ปี 8 เดือน
matemnews.com
11 กันยายน 2561